เย สวัสดีค่ะ ช่วงนี้ก็ถึงฤดูสอบไฟนอลแล้ว งานการทับถมเป็นล้านอย่างมากค่ะ ฮือ อยากให้วันนึงมีสัก 40 ชั่วโมง หรือไม่ก็ขอข้ามเวลาไปหลังสอบเลยได้มั้ย 555 อา
ส่วนเรื่องที่จะมาอัพบล็อคคราวนี้ก็ยังเป็น あいづち อยู่ค่ะ หลังจากที่เราได้สังเกตการใช้ あいづち ของคนญี่ปุ่นไปแล้ว คราวนี้เราก็ได้มาลองฝึกใช้ดูบ้างค่ะ กิจกรรมที่ทำคราวนี้จะต่อเนื่องกับเรื่อง 目に浮かぶ描写 ค่ะ คือในคราวที่แล้วเราได้ผลัดกันเล่าเรื่องให้เพื่อนฟังแล้วก็ผลัดกันเป็นผู้ฟังด้วย ที่อัพบล็อคไปความที่แล้วจะเป็นส่วนที่เขียนเกี่ยวกับตอนที่เราเป็นผู้เล่าค่ะ แต่คราวนี่เราจะมาดูตอนที่เราเป็นผู้ฟังกันบ้าง ในคาบเรียนคราวที่แล้ว (แล้วๆ?) เราได้ทำกิจกรรมนี้ใหม่อีกรอบ (แต่เนื้อหาที่เล่าเป็นคนละเรื่องกันนะคะ) เราเลยจะลองมาเปรียบการใช้ あいづち ของคราวที่แล้วกับคราวนี้กันค่ะ
ก่อนอื่นก็พูดถึงคราวที่แล้วก่อนแล้วกันค่ะ คือ....มันแทบไม่มีอะไรให้พูดเลยค่ะ 5555 ฟังจากที่อัดเสียงมาแล้ว เราพูด あいづち ไปทั้งหมดสามครั้ง แล้วทั้งสามครั้งเป็นคำว่า うん หมดเลยค่ะ 55555 จริงๆเราอาจจะพูดไปเยอะกว่านั้นก็ได้ แต่อัดมาแล้วมันไม่ค่อยได้ยินเท่าไหร่ค่ะ (พยายามคิดเข้าข้างตัวเอง 5555)
คราวนี้มาดูที่เราทำไปคราวที่แล้วบ้างค่ะ เรามั่นใจมากว่ามีพัฒนาการ (ก็ดูคราวที่แล้วสิ) 555555 คราวนี้เรามีการใช้ あいづち หลายชนิดมากขึ้น แล้วก็ใช้ถี่ขึ้นด้วยค่ะ あいづち ที่ใช้ก็มีประมาณนี้ค่ะ
1.ตอบรับ
อันนี้เราใช้แต่ うん อย่างเดียวเลยค่ะ ใช้ไปสามครั้งค่ะ เท่าคราวที่แล้วเลย 555
2.ตกใจ
คราวนี้เรามีการแสดงอารมณ์เพิ่มขึ้นมาด้วยค่ะ ที่เราใช้แสดงความตกใจก็จะมี えっ、えー、まじで ค่ะ
3.ถามกลับ
มีการถามถึงเรื่องที่ผู้พูดกำลังพูดอยู่เพิ่มค่ะ ที่เราใช้ไปคือ どうやった?ฟังไปแล้วเหมือนภาษาคันไซเลย 555 คือเราต้องการจะถามว่าแล้วจากนั้นทำยังไงต่อ 555 จริงๆถ้าใส่เพิ่มเป็นそれで、どうやったの?จะเข้าใจมากขึ้นรึเปล่านะ...555
4.พูด感想ของตัวเองที่มีต่อเรื่องที่อีกฝ่ายเล่า
คราวนี้เรามีการพูดความรู้สึกที่มีต่อเรื่องที่อีกฝ่านเล่าหลังจากเล่าเสร็จเพิ่มค่ะ รู้สึกว่าดูตั้งใจฟังขึ้นอีกหน่อยนึง 555
พอมาดูแบบนี้แล้วรู้สึกว่าพัฒนาขึ้นเยอะเลย 555 จริงๆเรื่อง あいづち รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่มีความรู้ทางทฤษฏีอยู่บ้างนิดหน่อย แต่เวลาตัวเองเป็นคนฟังจะไม่ค่อย 意識 กับการใช้เท่าไหร่ ทำให้กลายเป็นไม่ค่อยใช้ไป พอมาลอง 意識 ดูแล้วเลยมีการใช้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 555 ฮือ หลังจากนี้ไปเวลาเป็นคนฟังเราจะพยายาม 意識 เรื่อง あいづち เยอะๆนะคะ...
กับอีกอย่างนึงคือ ตอนที่ทำกิจกรรมนี้ครั้งแรก ทั้งเราทั้งเพื่อนพูดเป็นแบบเล่าเรื่องในมุมมองบุคคลที่สามหมดเลย แต่คราวนี้เรากับเพื่อนเล่าเหมือนเอาตัวเองเข้าไปเป็นตัวเอกในเรื่อง พอเป็นแบบนี้แล้วเรารู้สึกว่าใช้ あいづち ง่ายกว่าเยอะเลย เพราะดูเป็นเรื่องใกล้ตัวมากขึ้น เหมือนเพื่อนคุยกัน แต่ตอนเล่าจากบุคคลที่สามรู้สึกว่ามันเป้นเรื่องไกลตัว เลยไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่ด้วยมั้ง เลยไม่ค่อยได้ใช้ あいづち 555
กิจกรรมคราวนี้ก็มีประมาณนี้ค่ะ พอลองใส่ あいづち เยอะๆแล้วรู้สึกเหมือนบทสนทนาจะดูสนุกสนานขึ้นนิดหน่อย จากนี้ไปก็จะพยายามใช้ให้เยอะขึ้นนะคะ 555 วันนี้อาจจะอัพสั้นไปหน่อย แต่ก็ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงนี้นะคะะ
som's blog
Saturday, April 29, 2017
Friday, April 14, 2017
描写文 - 金魚すくい -
เย สวัสดีค่ะ เจอกันอีกแล้ว 555 (ยังผ่านไปไม่ถึงวันเลย 555) คราวนี้เราจะมาพูดเรื่องการเขียนบรรยายค่ะ คราวที่แล้วเราเขียนเรื่องการบรรยายเรื่องเล่าไปแล้ว คราวนี้เราจะพูดถึงสิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการเขียน 空想作文 ค่ะ
ตอนเขียนเอ็นทรีเรื่องปลาทอง เราเล่าเรื่องที่เราเขียนเรื่องเกี่ยวกับปลาทองไป คราวนี้เราจะเอาขั้นตอนที่เราเขียนมาสรุปไว้ในนี้ค่ะ ขั้นตอนคราวนี้คือ เขียนเรื่อง→ให้เพื่อนคอมเมนต์→แก้→ให้อาจารย์คอมเมนต์ ค่ะ
1.เขียนเรื่อง
ตอนแรกเราลังเลมากว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี เรามีสองพล็อตที่อยากเขียนคือ เรื่องเด็กผู้หญิงที่เดินๆอยู่แล้วเกิดอยากตายขึ้นมา กับ เรื่องปลาทองที่ถูกช้อนขึ้นมาค่ะ ซึ่งเรื่องปลาทองเป็นเรื่องที่เราได้พล็อตมาจากเพลง 金魚すくい ที่เราแปะไปในบล็อคคราวที่แล้ว ตอนแรกเราอยากเขียนเรื่องเด็กผู้หญิงมากกว่า เพราะรู้สึกไม่ค่อยดีที่จะไปเอาพล็อตคนอื่นมา แต่รู้สึกว่าเรื่องเด็กผู้หญิงมันจะมืดมนไป แถมพล็อตที่มีในหัวก็ยังเป็นนามธรรมไปหน่อย สุดท้ายเลยตัดสินใจเขียนเรื่องปลาทองแทนค่ะ ที่เราเขียนไว้ครั้งแรงจะเป็นแบบนี้ค่ะ
(藤田麻衣子の「金魚すくい」をモチーフにした話です。)
僕は今日も青いプラスチックの箱を泳ぎ回る。色んな人がそのプラスチック箱の上に顔を出して、薄い紙が貼ってある円形のプラスチック枠で水僕らをすくう。この2日間、この箱に沢山いた僕の友達はだんだん減って行った。今夜は最後日、ボロボロになった薄い紙からこぼれ落ちた僕らはもうすくわれないだろう。色とりどりの光が水面に映って、僕の目にはこの世界がぼやけて見えた。そこで、ある人が僕の世界を隠すように、箱の上、影を落とした。その薄く弱い紙で僕を優しくすくってくれた。空気に触れた体は心地悪いが、怖くなかった。
僕は水と一緒に透明なビニール袋に入れられた。外の世界は少しだけはっきり見えるようになった。袋の口は赤い輪ゴムで縛られ、袋の中の僕はあの人の手で揺られた。揺りかごの中にいるようなゆらゆらとした気持ちで見たことない世界に目を光らせた。すれ違う人々の笑顔、食べ物を焼く煙、匂いが分からないが、目に入った全ては新鮮に感じた。あの人は誰かと肩を並べて、楽しそうに笑いながら、狭い道をゆっくり歩いた。
「そろそろ、花火大会が始まるよ」と隣の人から声がした。
花火…聞いたことある言葉だ。確か、空に咲いたキラキラの光のことだ。そんな綺麗なものが見られるの?!嬉しさのあまり、僕は小さな袋を泳ぎ回った。
「ほら、はやく行かないと始まっちゃう」隣の人があの人の手を引っ張って走り出したのがビニール袋の中から見えた。
途端に、強い振動がした。あの人がバランスを崩して前に倒れるのが目に入った。しかし、僕はその方向と違って、下に落ちているのを感じた。人混みに飲み込まれそうなあの人は僕の方に振り返って、手を伸ばしてきたが、人の波に押されて、だんだん離れていったのを僕は重力に引かれながら眺めていた。
水風船が割れたような、ビニール袋が地面を叩いた音は、騒がしい祭りの中、誰の耳にも届かなかった。あの人がすくってくれたときと同じように、体が空気に包まれた。同じなはずなのに、あのときと違って、心のどこかで諦めを感じた。やはり自分はすくわれないのだと、僕はぼんやり思いながら、歩いている人々を見上げた。そのとき、バンと大きい音が響いた。たぶん、それは花火の音だろう。僕のいる場所から花火が見えないが、目をキラキラと光らせた人たちの顔が見える。花火というのはこんなに人を幸せにできるものだな…見られないのは残念だ。ても、こんな幸せで満ちた空間に触れられただけでも十分な気がする。
「あ、なんか踏んだ。」
「え、なになに、うわ!金魚じゃん!」
「うわ!気持ち悪っ!」
地面に張り付いた小さな金魚、それをすくってくれる人はなかった。
ตอนเขียนเอ็นทรีเรื่องปลาทอง เราเล่าเรื่องที่เราเขียนเรื่องเกี่ยวกับปลาทองไป คราวนี้เราจะเอาขั้นตอนที่เราเขียนมาสรุปไว้ในนี้ค่ะ ขั้นตอนคราวนี้คือ เขียนเรื่อง→ให้เพื่อนคอมเมนต์→แก้→ให้อาจารย์คอมเมนต์ ค่ะ
http://01.gatag.net/0006010-free-illustraition/
1.เขียนเรื่อง
ตอนแรกเราลังเลมากว่าจะเขียนเรื่องอะไรดี เรามีสองพล็อตที่อยากเขียนคือ เรื่องเด็กผู้หญิงที่เดินๆอยู่แล้วเกิดอยากตายขึ้นมา กับ เรื่องปลาทองที่ถูกช้อนขึ้นมาค่ะ ซึ่งเรื่องปลาทองเป็นเรื่องที่เราได้พล็อตมาจากเพลง 金魚すくい ที่เราแปะไปในบล็อคคราวที่แล้ว ตอนแรกเราอยากเขียนเรื่องเด็กผู้หญิงมากกว่า เพราะรู้สึกไม่ค่อยดีที่จะไปเอาพล็อตคนอื่นมา แต่รู้สึกว่าเรื่องเด็กผู้หญิงมันจะมืดมนไป แถมพล็อตที่มีในหัวก็ยังเป็นนามธรรมไปหน่อย สุดท้ายเลยตัดสินใจเขียนเรื่องปลาทองแทนค่ะ ที่เราเขียนไว้ครั้งแรงจะเป็นแบบนี้ค่ะ
金魚すくい
(藤田麻衣子の「金魚すくい」をモチーフにした話です。)
僕は今日も青いプラスチックの箱を泳ぎ回る。色んな人がそのプラスチック箱の上に顔を出して、薄い紙が貼ってある円形のプラスチック枠で水僕らをすくう。この2日間、この箱に沢山いた僕の友達はだんだん減って行った。今夜は最後日、ボロボロになった薄い紙からこぼれ落ちた僕らはもうすくわれないだろう。色とりどりの光が水面に映って、僕の目にはこの世界がぼやけて見えた。そこで、ある人が僕の世界を隠すように、箱の上、影を落とした。その薄く弱い紙で僕を優しくすくってくれた。空気に触れた体は心地悪いが、怖くなかった。
僕は水と一緒に透明なビニール袋に入れられた。外の世界は少しだけはっきり見えるようになった。袋の口は赤い輪ゴムで縛られ、袋の中の僕はあの人の手で揺られた。揺りかごの中にいるようなゆらゆらとした気持ちで見たことない世界に目を光らせた。すれ違う人々の笑顔、食べ物を焼く煙、匂いが分からないが、目に入った全ては新鮮に感じた。あの人は誰かと肩を並べて、楽しそうに笑いながら、狭い道をゆっくり歩いた。
「そろそろ、花火大会が始まるよ」と隣の人から声がした。
花火…聞いたことある言葉だ。確か、空に咲いたキラキラの光のことだ。そんな綺麗なものが見られるの?!嬉しさのあまり、僕は小さな袋を泳ぎ回った。
「ほら、はやく行かないと始まっちゃう」隣の人があの人の手を引っ張って走り出したのがビニール袋の中から見えた。
途端に、強い振動がした。あの人がバランスを崩して前に倒れるのが目に入った。しかし、僕はその方向と違って、下に落ちているのを感じた。人混みに飲み込まれそうなあの人は僕の方に振り返って、手を伸ばしてきたが、人の波に押されて、だんだん離れていったのを僕は重力に引かれながら眺めていた。
水風船が割れたような、ビニール袋が地面を叩いた音は、騒がしい祭りの中、誰の耳にも届かなかった。あの人がすくってくれたときと同じように、体が空気に包まれた。同じなはずなのに、あのときと違って、心のどこかで諦めを感じた。やはり自分はすくわれないのだと、僕はぼんやり思いながら、歩いている人々を見上げた。そのとき、バンと大きい音が響いた。たぶん、それは花火の音だろう。僕のいる場所から花火が見えないが、目をキラキラと光らせた人たちの顔が見える。花火というのはこんなに人を幸せにできるものだな…見られないのは残念だ。ても、こんな幸せで満ちた空間に触れられただけでも十分な気がする。
「あ、なんか踏んだ。」
「え、なになに、うわ!金魚じゃん!」
「うわ!気持ち悪っ!」
地面に張り付いた小さな金魚、それをすくってくれる人はなかった。
ประมาณนี้ค่ะ....ยาวนิดหน่อยแฮะ 555 (ใครขี้เกียจไว้อ่านอันแก้แล้วทีเดียวเลยก็ได้นะคะ 555) ตอนแรกแอบมีปัญหานึกคำไม่ออกนิดหน่อย แต่เราก็ให้การบรรยายเปรียบเทียบแทน ยิ่งเพราะมันเป็นมุมมองของปลาทองด้วย เลยรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องใช้คำที่เป็นศัพท์เป๊ะๆก็ได้ อย่างตอนแรกเราไม่รู้ว่าไม้ช้อนปลาทองเรียกว่าอะไร เราเลยไปหามาแล้วก็รู้ว่ามันเรียกว่า ポイ แต่พอใช้คำนี้ทั้งๆที่การบรรยายเป็นมุมมองปลาทองแล้วเรารู้สึกแปลก เลยใช้ 薄い紙が貼ってある円形のプラスチック枠 แทน ยาวกว่ากันเยอะเลย 555 แต่รู้สึกว่ามันทำให้ปลาทองดูเป็นปลาทองที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวดี 555 แล้วก็ เราไม่รู้ว่าถูงพลาสติกแตกเรียกว่าอะไร เราเลยใช้เปรียบเทียบเป็น 水風船が割れたような、ビニール袋が地面を叩いた音 แทน (นี่ก็ยาวอีกแล้ว 555)
คิดไว้แต่แรกแล้วว่าอยากให้ปลาทองไม่ได้ดูดอกไม้ไฟ แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าทำยังไงให้มันไม่ได้ดูดี ตอนแรกคิดว่าจะให้คนที่ช้อนมาลืมถุงปลาทองวางไว้ที่ไหนสักที่ แต่พอคิดๆดูแล้วเลยให้มันตายเลยละกัน 555 ตอนแรกคิดแค่ว่าจะให้ถุงตกแตกเฉยๆ แต่พอลองใส่โดนเหยียบมาด้วยแล้วรู้สึกว่ามันอีปิคดี 555 เลยใส่ไว้อย่างงั้นค่ะ ตอนเอาให้เพื่อนลองอ่าน เพื่อนบอก ทำไมโหดร้าย! 55
2. ให้เพื่อนคอมเมนต์
หลังจากเขียนเสร็จแล้วก็ส่งให้อาจารย์แล้วอาจารย์ก็แจกใหกลุ่มละ 3-4 เรื่อง ให้อ่านแล้วก็คอมเมนต์ค่ะ พออ่านของคนอื่นแล้วรู้สึกว่าเรื่องที่เขียนนี่สะท้อนตัวคนเขียนได้จริงๆ อ่านแล้วสนุกมากค่ะ 555 ส่วนคอมเมนต์ที่เราได้มาก็มีประมาณนี้ค่ะ
ข้อดี
- ใช้臨場感ได้ดี อธิบายการเคลื่อนไหวของตัวละครในเรื่องได้ดี
- มีการใช้受け身 เนื้อเรื่องสนุกชวนติดตาม
- อธิบายความรู้สึกของปลาได้ดีราวกับตัวผู้เล่าเป็นปลาเสียเอง
- จบได้ดีมากคาดไม่ถึง 完璧! น่าจะเอาไปสร้างเป็นอนิเมชั่น น่ารัก
ข้อเสีย
- อยากรู้สี กับลักษณะปลาอีกสักนิด อาจจะเพิ่มส่วนนี้ในบทพูดของตัวละครตัวอื่น
สารภาพว่าจริงๆตอนที่เราส่งไปเราก็รู้สึกว่าบรรยายไม่ค่อยละเอียดเหมือนกันค่ะ....แต่พอตอนที่จะเพิ่มหน้าตาของคนที่มาช้อนปลาทองไปเราก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่...555 ในหัวเรารู้สึกว่าภาพที่ปลาเห็นจะต้องเป็นภาพเบลอๆที่มองไม่เห็นหน้าทั้งคนช้อนทันเพื่อนของคนช้อนแน่ๆเลย (จริงๆยังไม่ได้กำหนดเพศให้ด้วยซ้ำ 555) ก็เลยไม่ได้เขียนเพิ่มไป แต่พอมีคอมเมนต์บอกว่าอยากรู้สักษณะปลาเราเลยแบบ เออ จริงด้วย ทำไมเราไม่อธิบายลักษณะปลานะ 555
แต่พอจะเขียนบรรยายเพิ่มเราก็ลังเลว่าจะบรรยายยังไงดี 55 จะเขียนบรรยายจากบทพูดของตัวละครอื่นก็รู้สึกว่ามันจะดึงออกจากมุมมองของปลาทองมากเกินไป แต่จะอธิบายจากมุมมองปลาทองก็ไม่รู้ว่าอยู่ๆมันจะมาอธิบายหน้าตาตัวเองทำไม คิดไปคิดมาก็เลยรู้สึกว่าอยากให้ปลาทองมีปมด้วยที่หน้าตาตัวเอง ทำให้รู้สึกว่าคงไม่มีใครมาช้อนมันไป ตอนแรกเลยคิดว่าจะให้เป็นปลาทองสีดำค่ะ 55 แต่พอลองมองภาพแล้วรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเข้ากับบรรยากาศงานเทศกาลเลย สุดท้ายเลยให้เป็นสีแดง แค่ตัวเล็กแล้วก็สีอ่อนไปค่ะ
ที่เราแก้แล้วก็มีแค่เพิ่มประโยคสีแดงเข้าไปประโยคเดียวค่ะ
今夜は最後日、ボロボロになった薄い紙からこぼれ落ちた僕らはもうすくわれないだろう。僕は小さくて色が薄くて、他の友達みたいにきれいじゃないから、誰も僕のことなんかいらないだろ。色とりどりの光が水面に映って、僕の目にはこの世界がぼやけて見えた。
3. ให้อาจารย์แก้
รอมนี้ก็แดงกลับมาเต็มเช่นเคยค่ะ ส่วนนึงเป็นด้วยความเด๋อของเรา พิมพ์ผิดบ้าง ลบไม่หมดบ้าง ฮือ ขอโทษค่ะ..../กราบ ทีอาจารย์แก้ให้ก็มีประมาณนี้ค่ะ
แก้การเขียนอธิบาย
あの人がバランスを崩して前に倒れるのが目に入った。しかし、僕はその方向と違って → あの人と一緒に前に倒れたのではなく、下に落ちているのを感じた。
อันนี้ตรง その方向と違って อาจารย์คอมเมนต์มาบอกว่าไม่เขาใจ ฮือ คือเราต้องการจะให้เห็นภาพว่าคนที่ช้อนปลามาทำถุงใส่ปลามองหลุดจากมือแล้ว ปลาทองเลยไม่ได้ล้มไปข้างหน้ากับคน แต่ร่วงลงไปข้างล่างแทนค่ะ ตอนเขียนก็รู้สึกว่ามันเข้าใจยากเหมือนกัน ฮือ เลยลองแก้เป็นอย่างงี้ดู แต่ไม่รู้เข้าใจง่ายกว่ามั้ย? 55
แก้คำศัพท์
この2日間、この箱に沢山いた僕の友達はだんだん減って行った。→ 減っていった
อาจารย์อธิบายว่าถ้า 行った มันจะให้แสดงการไปจริงๆ เวลาแสดงการเปลี่ยนแปลงจะใช้ いった ค่ะ จริงๆตอนแรกตรงนี้เราก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าใช้行ったได้มั้ย ปรกติเลยจะใช้ いった เพราะยังไงก็ไม่น่าผิดแน่ๆ 555 แต่คราวนี้คงเผลอกดสเปสบาร์ไป....55
今夜は最後日 → 最終日、ボロボロになった薄い紙からこぼれ落ちた僕らはもうすくわれないだろう。
แก้接続詞
ตรงนี้อาจารย์บอกว่าถ้าใช้เป็นคำนามประสมจะใช้ 最終日 ค่ะ ถ้าจะใช้ 最後 จะต้องเป็น 最後の日 ฮือ เราไม่เคยสังเกตมาก่อนเลย...555
そこで → そのとき、ある人が僕の世界を隠すように、箱の上に、影を落とした。
อันนี้อาจารย์แก้ที่เราใช้ そこで ให้เป็น そのとき ค่ะ พอไปหาดูแล้ว そこで เป็น 接続詞 ที่ให้บอกเหตุและผลว่า ประโยคข้างหน้ามีส่วนให้เกิดประโยคข้างหลัง พอดูในบริบทแล้วที่เราเขียนไม่เกี่ยวกับเหตุและผลจริงๆ....555 ส่วนตรง 箱の上 ตอนเขีนยไปเราก็รู้สึกแปลกที่ใช้ลูกน้ำคร่อมเหมือนกัน พอใช้ลูกน้ำคร่อมแล้วเหมือนเป็นส่วนที่ละได้ยังไงก็ไม่รู้ แต่ตอนนั้นไม่รู้จะแก้ยังไงดี ที่อาจารย์แก้มาให้คือใช้ に แทนลูกน้ำอันหลังค่ะ
そして、その薄く弱い紙で僕を優しくすくってくれた。
อันนี้อาจารย์วงเล็บมาให้ คือจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ไม่ใส่ก็ไม่ผิด แต่เราว่าใส่แล้วมันดูไหลลื่นกว่าจริงๆค่ะ พอเขียนเรื่องนี้ทำให้เรารู้เลยว่าเราอ่อนเรื่องการใช้ 接続詞 จริงๆ...;w;
แก้คำช่วยและแกรมม่า
空気に触れた体は心地悪いが、怖くはなかった。
อันนี้อาจารย์ใส่ は เพิ่มมาให้ค่ะ เราไม่แน่ใจว่าไม่ใส่ は แล้วผิดมั้ย (ใครรู้บอกเราที...555) แต่ใส่แล้วให้ความรู้สึกหนักแน่นกว่าเลยใส่เพิ่มเข้าไปค่ะ
目に入った全ては → を新鮮に感じた。
อันนี้อาจารย์แก้ は ให้เป็น を ค่ะ อืม ถ้าเป็น は ประทานจะเป็นของที่ 目に入った แทน ทั้งๆที่ประทานของ 感じた คือปลาทองต่างหาก
「そろそろ、花火大会が始まるよ」と隣の人から声がした。
อันนี้เราก็ไม่แน่ใจว่าถ้าเป็น 隣の人から声がした แล้วจะผิดมั้ย ตอนนี้คิดว่า ~から声がした มันต้องบวกกับสถานที่คือทิศทางรึเปล่า อาจารย์เลยแก้ตรงนี้มาให้ อาจารย์วงเล็บมาให้อีกแบบว่า 隣の人の声がした ก็ได้ค่ะ แต่เราชอบแบบ 隣から声がした มากกว่าค่ะ มันดูบอกทิศทางมากกว่า อีกอันมันดูบอกจากมุมมองว่าเสียงของใคร แต่ปลาทองมันคงแยกเสียงไม่ได้รึเปล่า หรือจริงๆอาจจะไม่เกี่ยว (?) 555
同じなはずなのに、あのときと違って、心のどこかで諦めを感じた。
อันนี้เราเผลอใส่ な เกินค่ะ はず บวกな形容詞ได้เลย ไม่ต้องใส่なค่ะ ฮือ เราเอ๋อเองง /ร้อง
僕のいる場所から花火が → は見えないが、目をキラキラと光らせた人たちの顔が見える。
อันนี้ก็ผิดแกรมม่าอีกแล้วค่ะ ฮือ 55 รูปสามารถปฏิเสธใช้กับคำช่วย は ค่ะ ฮือ สติอยู่ไหน จริงๆมีที่ผิดเพราะพิมพ์ผิดอีก แต่ขอไม่เอามาลงละกัน ไม่งั้นจะยาวเกิน 555 หลังจากผ่านการแก้มากมายมา ฉบับสุดท้ายเราก็เป็นแบบนี้ค่ะ!
金魚すくい
(藤田麻衣子の「金魚すくい」をモチーフにした話です。)
僕は今日も青いプラスチックの箱を泳ぎ回る。色んな人がそのプラスチック箱の上に顔を出して、薄い紙が貼ってある円形のプラスチック枠で僕らをすくう。この2日間、この箱に沢山いた僕の友達はだんだん減っていった。今夜は最終日、ボロボロになった薄い紙からこぼれ落ちた僕らはもうすくわれないだろう。僕は小さくて色が薄くて、他の友達みたいにきれいじゃないから、誰も僕のことなんかいらないだろう。色とりどりの光が水面に映って、僕の目にはこの世界がぼやけて見えた。そのとき、ある人が僕の世界を隠すように、箱の上に影を落とした。そして、その薄く弱い紙で僕を優しくすくってくれた。空気に触れた体は心地悪いが、怖くはなかった。
僕は水と一緒に透明なビニール袋に入れられた。外の世界は少しだけはっきり見えるようになった。袋の口は赤い輪ゴムで縛られ、袋の中の僕はあの人の手で揺られた。揺りかごの中にいるようなゆらゆらとした気持ちで見たことない世界に目を光らせた。すれ違う人々の笑顔、食べ物を焼く煙、匂いが分からないが、目に入った全てを新鮮に感じた。あの人は誰かと肩を並べて、楽しそうに笑いながら、狭い道をゆっくり歩いた。
「そろそろ、花火大会が始まるよ」と隣から声がした。
花火…聞いたことある言葉だ。確か、空に咲いたキラキラの光のことだ。そんな綺麗なものが見られるの?!嬉しさのあまり、僕は小さな袋を泳ぎ回った。
「ほら、はやく行かないと始まっちゃう」隣の人があの人の手を引っ張って走り出したのがビニール袋の中から見えた。
途端に、強い振動がした。あの人がバランスを崩して前に倒れるのが目に入った。しかし、僕はあの人と一緒に前に倒れたのではなく、下に落ちているのを感じた。人混みに飲み込まれそうなあの人は僕の方に振り返って、手を伸ばしてきたが、人の波に押されて、だんだん離れていったのを僕は重力に引かれながら眺めていた。
水風船が割れたような、ビニール袋が地面を叩いた音は、騒がしい祭りの中、誰の耳にも届かなかった。あの人がすくってくれたときと同じように、体が空気に包まれた。同じはずなのに、あのときと違って、心のどこかで諦めを感じた。やはり自分はすくわれないのだと、僕はぼんやり思いながら、歩いている人々を見上げた。そのとき、バンと大きい音が響いた。たぶん、それは花火の音だろう。僕のいる場所から花火は見えないが、目をキラキラと光らせた人たちの顔が見える。花火というのはこんなに人を幸せにできるものだな…見られないのは残念だ。でも、こんな幸せで満ちた空間に触れられただけでも十分な気がする。
「あ、なんか踏んだ。」
「え、なになに、うわ!金魚じゃん!」
「うわ!気持ち悪っ!」
地面に張り付いた小さな金魚、それをすくってくれる人はなかった。
รอบนี้จริงๆรู้สึกว่าที่ดีคือพล็อตเรื่อง (ซึ่งไปเอาของคนอื่นมา.../ผิด) แต่ส่วนการเขียนบรรยายให้เห็นภาพยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทั้งด้วยปัญหาด้านภาษาแล้วก็ความไม่ละเอียดของเราด้วยค่ะ
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเขียนครั้งนี้
1. ต้องไปศึกษาเรื่อง 接続詞 เพิ่ม
2. ต้องไปเพิ่มคลังคำในสมอง ที่นีอยู่ตอนนี้ไม่ค่อยพอใช้ค่ะ...
3. ต้อง 意識 ว่าเราเขียนจากมุมมองของใคร ซึ่งไม่มีใครคอมเมนต์มาว่าควรให้แก้ในจุดนั้น เราเลยคิดว่าเราทำได้ค่อนข้างโอเคแล้ว (มั้ง?)
4. ต้องทำงานละเอียดรอบคอบกว่านี้ (อันนี้ก็เขียนทุกครั้ง แต่ก็ยังแก้ไม่ได้สักที ฮือ)
ที่ได้เรียนรู้ไปก็จะเป็นประมาณนี้ค่ะ ลองเขียนรอบนี้แล้วรู้สึกว่าสนุกดี ไว้ว่างๆจะลองเขียนอีกค่ะ รอบหน้าเราอยากจะลองคิดพล็อตเองให้ได้ดีๆบ้าง แต่ไม่รู้จะทำได้มั้ย ฮือ 555 ส่วนของเรื่องนี้ถ้าใครมีคอมเมนต์อะไรเพิ่มเติมก็บอกได้นะคะ แล้วเราจะเอาไปปรับปรุงในครั้งต่อไปค่ะ ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ค่ะ !
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเขียนครั้งนี้
1. ต้องไปศึกษาเรื่อง 接続詞 เพิ่ม
2. ต้องไปเพิ่มคลังคำในสมอง ที่นีอยู่ตอนนี้ไม่ค่อยพอใช้ค่ะ...
3. ต้อง 意識 ว่าเราเขียนจากมุมมองของใคร ซึ่งไม่มีใครคอมเมนต์มาว่าควรให้แก้ในจุดนั้น เราเลยคิดว่าเราทำได้ค่อนข้างโอเคแล้ว (มั้ง?)
4. ต้องทำงานละเอียดรอบคอบกว่านี้ (อันนี้ก็เขียนทุกครั้ง แต่ก็ยังแก้ไม่ได้สักที ฮือ)
ที่ได้เรียนรู้ไปก็จะเป็นประมาณนี้ค่ะ ลองเขียนรอบนี้แล้วรู้สึกว่าสนุกดี ไว้ว่างๆจะลองเขียนอีกค่ะ รอบหน้าเราอยากจะลองคิดพล็อตเองให้ได้ดีๆบ้าง แต่ไม่รู้จะทำได้มั้ย ฮือ 555 ส่วนของเรื่องนี้ถ้าใครมีคอมเมนต์อะไรเพิ่มเติมก็บอกได้นะคะ แล้วเราจะเอาไปปรับปรุงในครั้งต่อไปค่ะ ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้ค่ะ !
Thursday, April 13, 2017
いい聞き手とは?:あいづち
สวัสดีวันสงกรานต์ค่ะะะ ฮืออ ในที่สุดเราก็ได้หยุดดดดดด /แทบจะจุดพลุฉลอง แต่ถึงจะเป็นวันหยุดก็ยังมีการบ้านกองเท่าภูเขาที่ต้องจัดการอยู่ดี....ฮือ เราจะพยายามเคลียร์ไปวันละนิดนะคะ....อย่างแรกก็ทำวิชานี้ก่อนเลยละกัน....
การบ้านคราวนี้คือให้ฟังรายการวิทยุของ TBS ラジオ แล้วดูการใช้ あいづち ของพิธีกรหญิงแล้วดูว่า ตอนไหนที่เขาจะโต้ตอบ แล้วก็สำนวนใดที่มักจะใช้โต้ตอบค่ะ รายการสามารถฟังย้อนหลังได้ในเว็บนี้ค่ะ แต่ต้องสมัครก่อนนะ แล้วเราก็เลยไปลองฟังมาสองสามอัน ที่ไปฟังมาก็มีตามนี้ค่ะ
1.「必死に走った話―通勤電車に乗り遅れそうになって励まされた話―」
2.「必死に走った話―××似の友人を叫んで追いかけた話―」
3.「必死に走った話―農道を牛が走ってきた話―」
แล้วก็เรื่อง「英語と私―イギリス人の旦那さんの愛情表現―」ที่ฟังในห้องค่ะ
จากที่เราไปฟังมา มีความรู้สึกว่าพิธีกรหญิงคือมีหน้าที่เหมือนตอบรับเฉยๆ ให้พิธีกรไม่รู้สึกเหมือนพูดคนเดียว 555 คือเธอไม่แสดงความคิดเห็นอะไรเลย แล้วอีกอย่างที่สังเกตคือเธอหัวเราะบ่อยมาก แล้วเสียงหัวเราะเธอดูขำจริงจังมาก 5555 บางทีเราก็สังสัยว่าการพูดที่เหมือนพิธีกรพูดอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้มันดีแล้วจริงๆเหรอ 555 หรืออาจจะเพราะเป็นรายการวิทยุที่เวลาจำกัดเลยพูดมากไม่ได้รึเปล่านะ ?
ใช้ あいづち ตอนไหน
1. เกือบทั้งหมดจะพูดตอนที่จบประโยคหรือตรงที่ใส่、ได้
วิธีนี้ก็ก็น่าจะเป็นหลักการทั่วๆไปที่พูดตอบรับหลังจากอีกฝ่ายพูดจบประโยค จะได้ไม่เป็นการกวนตอนที่อีกฝ่ายพูดอยู่ แต่พอลองพูดเข้าจริงๆแล้ว เราจะชอบกะผิด นึกว่าเขาจะพูดจบประโยคแล้ว แต่จริงๆยังไม่จบ ทำให้พอพูด あいづち ออกไปแล้วเหมือนไปพูดแทรกเขา แต่พิธีกรหญิงคนนี้แทบไม่มีการกะผิดแบบเราเลยค่ะ นี่คือความความมืออาชีพสินะ...
2. ตอนที่อีกฝ่ายจบประโยคด้วยคำลงท้ายที่ต้องการการเห็นด้วยจากอีกฝ่าย
ตอนที่พิธีกรชายพูดคำลงท้ายประโยคด้วย ~ね หรือ ~でしょ รู้สึกว่าฝ่ายพิธีกรหญิงจะใช้ あいづち ตอบกลับแทบทุกรอบเลยค่ะ แต่จริงๆก็รู้สึกว่าพิธีกรหญิงใช้ あいづち เยอะมาก แทบจะทุกประโยคอยู่แล้ว เลยไม่แน่ใจว่าเรื่องคำลงท้ายประโยคนี่เกี่ยวจริงๆรึเปล่าค่ะ 555
ใช้ あいづち แบบไหน
1. หัวเราะ
ไม่แน่ใจว่าเสียงหัวเราะนับเป็น あいづち มั้ย แต่ว่าเธอหัวเราะบ่อยมาก 555 แล้วอาจจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะของเธอมันฟังดูขำมากเลยทำให้เรื่องสูสนุกด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้ 55
2. あいづち แสดงการรับรู้
พวก へー、はいー、んー、ほー เป็นต้นค่ะ พวก あいづち กลุ่มนี้ เรารู้สึกเหมือนเป็นกลุ่มที่ใช้เวลามีคนเล่าเรื่องที่ค่อนข้างยาว แสดงว่าเราฟังอยู่นะ เหมือนเวลามีคนเล่าเรื่องแล้วเรา อืมๆ ในภาษาไทยค่ะ รู้สึกว่าพิธีกรหญิงใช้ あいづち กลุ่มนี้เยอะมากก อาจจะเป็นเพราะตัวรายการเป็นการเล่าเรื่อง พิธีกรหญิงที่เป็นคนตอบรับเลยใช้ あいづち ประเภทนี้เยอะ?
3. あいづち ตอบรับ
พวก はい、うん เป็นต้นค่ะ รู้สึกว่า あいづち ตอบรับจะเป็น あいづち ที่หนักแน่นกว่ากลุ่มแสดงการรับรู้หน่อยนึงค่ะ อาจจะเพราะมันหนักกว่า เลยเห็นการใช้น้อยกว่า あいづち แสดงการรับรู้ก็ได้ค่ะ (เดาเอา...555)
4. あいづち แสดงความเห็นด้วย
กลุ่มนี้จะเป็นพวก ねー、そうですね ค่ะ กลุ่มนี้สังเกตว่าจะใช้ตอนที่พิธีกรฝ่ายชายมีการใช้คำลงท้ายพวก ~ね มาก่อนค่ะ แล้วฝ่ายหญิงถึงจะให้พวก そうですね ตาม
5. ทวนคำพูด
บางทีพิธีกรหญิงจะมีการทวนคำพูดที่พิธีกรชายพูดมาก่อนหน้านี้ค่ะ อย่างเช่นพิธีกรผู้ชายพูดว่าいーねー พิธีกรหญิงก็ทวนคำว่า いいですねー เป็นต้นค่ะ
จากที่เราฟังๆมาก็ได้ข้อสรุปประมาณนี้ค่ะ รู้สึกว่าพิธีกรหญิงที่คนที่จับโฟลวของบทสนทนาได้ดีมาก แล้วก็พยายามจับจังหวะพูดไม่ให้ไปกวนพิธีกรชายที่เป็นพิธีกรหลักได้ดีมากเลยค่ะ ไว้เราจะศึกษาไปใช้บ้าง (จะทำได้มั้ย ฮือ 555) วันนี้อาจจะสั้งไปหน่อย แต่ก็ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ
การบ้านคราวนี้คือให้ฟังรายการวิทยุของ TBS ラジオ แล้วดูการใช้ あいづち ของพิธีกรหญิงแล้วดูว่า ตอนไหนที่เขาจะโต้ตอบ แล้วก็สำนวนใดที่มักจะใช้โต้ตอบค่ะ รายการสามารถฟังย้อนหลังได้ในเว็บนี้ค่ะ แต่ต้องสมัครก่อนนะ แล้วเราก็เลยไปลองฟังมาสองสามอัน ที่ไปฟังมาก็มีตามนี้ค่ะ
1.「必死に走った話―通勤電車に乗り遅れそうになって励まされた話―」
2.「必死に走った話―××似の友人を叫んで追いかけた話―」
3.「必死に走った話―農道を牛が走ってきた話―」
แล้วก็เรื่อง「英語と私―イギリス人の旦那さんの愛情表現―」ที่ฟังในห้องค่ะ
จากที่เราไปฟังมา มีความรู้สึกว่าพิธีกรหญิงคือมีหน้าที่เหมือนตอบรับเฉยๆ ให้พิธีกรไม่รู้สึกเหมือนพูดคนเดียว 555 คือเธอไม่แสดงความคิดเห็นอะไรเลย แล้วอีกอย่างที่สังเกตคือเธอหัวเราะบ่อยมาก แล้วเสียงหัวเราะเธอดูขำจริงจังมาก 5555 บางทีเราก็สังสัยว่าการพูดที่เหมือนพิธีกรพูดอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้มันดีแล้วจริงๆเหรอ 555 หรืออาจจะเพราะเป็นรายการวิทยุที่เวลาจำกัดเลยพูดมากไม่ได้รึเปล่านะ ?
ใช้ あいづち ตอนไหน
1. เกือบทั้งหมดจะพูดตอนที่จบประโยคหรือตรงที่ใส่、ได้
วิธีนี้ก็ก็น่าจะเป็นหลักการทั่วๆไปที่พูดตอบรับหลังจากอีกฝ่ายพูดจบประโยค จะได้ไม่เป็นการกวนตอนที่อีกฝ่ายพูดอยู่ แต่พอลองพูดเข้าจริงๆแล้ว เราจะชอบกะผิด นึกว่าเขาจะพูดจบประโยคแล้ว แต่จริงๆยังไม่จบ ทำให้พอพูด あいづち ออกไปแล้วเหมือนไปพูดแทรกเขา แต่พิธีกรหญิงคนนี้แทบไม่มีการกะผิดแบบเราเลยค่ะ นี่คือความความมืออาชีพสินะ...
2. ตอนที่อีกฝ่ายจบประโยคด้วยคำลงท้ายที่ต้องการการเห็นด้วยจากอีกฝ่าย
ตอนที่พิธีกรชายพูดคำลงท้ายประโยคด้วย ~ね หรือ ~でしょ รู้สึกว่าฝ่ายพิธีกรหญิงจะใช้ あいづち ตอบกลับแทบทุกรอบเลยค่ะ แต่จริงๆก็รู้สึกว่าพิธีกรหญิงใช้ あいづち เยอะมาก แทบจะทุกประโยคอยู่แล้ว เลยไม่แน่ใจว่าเรื่องคำลงท้ายประโยคนี่เกี่ยวจริงๆรึเปล่าค่ะ 555
ใช้ あいづち แบบไหน
1. หัวเราะ
ไม่แน่ใจว่าเสียงหัวเราะนับเป็น あいづち มั้ย แต่ว่าเธอหัวเราะบ่อยมาก 555 แล้วอาจจะเป็นเพราะเสียงหัวเราะของเธอมันฟังดูขำมากเลยทำให้เรื่องสูสนุกด้วยรึเปล่าก็ไม่รู้ 55
2. あいづち แสดงการรับรู้
พวก へー、はいー、んー、ほー เป็นต้นค่ะ พวก あいづち กลุ่มนี้ เรารู้สึกเหมือนเป็นกลุ่มที่ใช้เวลามีคนเล่าเรื่องที่ค่อนข้างยาว แสดงว่าเราฟังอยู่นะ เหมือนเวลามีคนเล่าเรื่องแล้วเรา อืมๆ ในภาษาไทยค่ะ รู้สึกว่าพิธีกรหญิงใช้ あいづち กลุ่มนี้เยอะมากก อาจจะเป็นเพราะตัวรายการเป็นการเล่าเรื่อง พิธีกรหญิงที่เป็นคนตอบรับเลยใช้ あいづち ประเภทนี้เยอะ?
3. あいづち ตอบรับ
พวก はい、うん เป็นต้นค่ะ รู้สึกว่า あいづち ตอบรับจะเป็น あいづち ที่หนักแน่นกว่ากลุ่มแสดงการรับรู้หน่อยนึงค่ะ อาจจะเพราะมันหนักกว่า เลยเห็นการใช้น้อยกว่า あいづち แสดงการรับรู้ก็ได้ค่ะ (เดาเอา...555)
4. あいづち แสดงความเห็นด้วย
กลุ่มนี้จะเป็นพวก ねー、そうですね ค่ะ กลุ่มนี้สังเกตว่าจะใช้ตอนที่พิธีกรฝ่ายชายมีการใช้คำลงท้ายพวก ~ね มาก่อนค่ะ แล้วฝ่ายหญิงถึงจะให้พวก そうですね ตาม
5. ทวนคำพูด
บางทีพิธีกรหญิงจะมีการทวนคำพูดที่พิธีกรชายพูดมาก่อนหน้านี้ค่ะ อย่างเช่นพิธีกรผู้ชายพูดว่าいーねー พิธีกรหญิงก็ทวนคำว่า いいですねー เป็นต้นค่ะ
จากที่เราฟังๆมาก็ได้ข้อสรุปประมาณนี้ค่ะ รู้สึกว่าพิธีกรหญิงที่คนที่จับโฟลวของบทสนทนาได้ดีมาก แล้วก็พยายามจับจังหวะพูดไม่ให้ไปกวนพิธีกรชายที่เป็นพิธีกรหลักได้ดีมากเลยค่ะ ไว้เราจะศึกษาไปใช้บ้าง (จะทำได้มั้ย ฮือ 555) วันนี้อาจจะสั้งไปหน่อย แต่ก็ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ
Saturday, April 8, 2017
มาช้อนปลาทองกันเถอะ~
สวัสดีค่ะ ช่วงนี้แทบไม่ได้อัพบล็อคเลย ช่วงก่อนหน้านี้งานทับถมมากค่ะ จะตายแล้ว 555 ช่วงนี้มีเวลาว่างขึ้นหน่อยนึง (เหมือนช่วงลมสงบก่อนพายุไฟนอลจะมาก 555) เลยแว่บมาอัพบล็อคหน่อยนึงค่ะ (ฮืออ เราอยากว่างจังงง /นอนแผ่)
การบ้านเรื่องการเขียนบรรยายคราวที่แล้วเราเขียนเรื่องช้อนปลาทองไปค่ะ เป็นเรื่องที่เราได้แรงบันดาลใจ (จะเรียกว่าได้แรงบันดาลใจได้มั้ยเนี่ย ไปเอาพล็อตเขามาเกือบหมดเลย 555) มาจากเพลง金魚すくい ของ 藤田麻衣子 ค่ะ แล้วจริงๆที่เราไปรู้จักเพลงนี้เพราะเคยอ่านการ์ตูนที่คนเขียนใช้เพลงนี้เป็นธีมของเรื่องค่ะ 555 แต่การ์ตูนเรื่องนั้นเขาทำให้ตัวเอกเป็นคนที่ถูกช่วยออกมาจากที่ที่เขาโดนกักขังไว้ แต่สุดท้ายออกมาแล้วก็ตายอยู่ดีค่ะ ตอนอ่านการ์ตูนเรื่องนั้นจำได้ว่าร้องไห้หนักมาก ฮือ แล้วก็ชอบมากจนไปหาเพลงนี้มาฟัง พอฟังเพลงแล้วก็ชอบมากเหมือนกันค่ะ
ตอนก่อนจะเขียนก็ได้ไปหาข้อมูลเรื่องการช้อนปลาทองมาบ้าง (แต่ก็ไม่ได้ใช้อะไรเลย 555) เลยคิดว่าจะลองเอามาเขียนรวมในไว้บล็อคดูค่ะ แต่จริงๆมันก็ไม่ได้มีเยอะเท่าไหร่หรอก 55
ประวัติการช้อนปลาทอง
จริงๆคิดว่าทุกคนคงจะรู้จักการช้อนปลาทองที่ชอบมีอยู่ตามงานเทศกาลของญี่ปุ่นกันอยู่แล้วเลยจะขอไม่อธิบายการชอนปลาทองในปัจจุบันนะคะ 55 จากที่เราไปหาๆมา การช้อนปลาทองมีมาตั้งแต่สมัยเอโดะค่ะ เห็นว่าเมื่อก่อนจะช้อนกันในเรือไม้ (เข้าใจว่าน่าจะเอาเรือมาทำเป็นอ่านค่ะ 55) หรือไม่ก็ในบ่อน้ำในสวนญี่ปุ่นค่ะ ส่วนของที่ใช้ช้อนก็เป็นตาข่ายปรกติ ไม่ใช่ไม้ขึงกระดาษที่ขาดง่ายๆแบบทกวันนี้ เป็นการแข่งกันว่าใครจะช้อนได้เยอะกว่ากันในเวลาที่กำหนดเฉยๆค่ะ แล้วพอช้อนแล้วก็เอากลับบ้านไม่ได้ด้วยค่ะ 55
พอถึงช่วงกลางๆเมจิถึงได้เริ่มมีการให้เอาปลาทองที่ช้อนมากลับบ้านได้ค่ะ พอให้เอากลับบ้านได้คนขายเลยต้องหาวิธีให้มันช้อนยากขึ้น ไม่งั้นไม่เหลือปลาพอดี เลยเริ่มใช้ไม้ช้อนที่ขึงด้วยกระดาษแบบทุกวันนี้ค่ะ แต่สมัยก่อนจะใช้เป็นด้ามโลหะค่ะ แล้วพอถึงช่วงปลายยุคไทโชก็กลายมาเป็นการช้อนปลาทองแบบที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ค่ะ
ไม้ช้อนปลาทอง
จริงๆก็มีอยู่แค่สองอย่างค่ะ คือปลา กับไม้ช้อนปลา 555 ตอนเขียนๆไปไม่รู้จะเรียกไม้ช้อนปลาว่าอะไรดี พอไปหาดูแล้วเหมือนเขาจะเรียกว่า ポイ หรือบางทีเรียกว่า すくい枠 ก็มีค่ะ ปัจจุบันจะเป็นด้ามพลาสติก แล้วกระดาษที่ขึงก็มีระดับความหนาบางด้วยค่ะ ความหนาจะมีระดับ 4号〜8号 แต่ที่ขายอยู่ทั่วไปจะนิยมเรียกเป็นคำบอกระดับเช่น 強・並・弱 มากกว่าค่ะ นอกจากนี้แล้ว ポイ ยังมีทั้งแบบใช้แล้วทิ้งกับแบบที่พอกระดาษขาดก็เอากระดาษใหม่มาใส่แล้วใช้ซ้ำได้ด้วยค่ะ
ปลาทองที่ใช้ในการช้อนปลาทอง
คำว่าปลาทองในภาษาไทย พอพูดแล้วเรารู้สึกว่าจะนึกถึงปลาทองหัวใหญ่ๆที่มีโหนกยังไงก็ไม่รู้ ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนเรามั้ย 555 แต่คำว่า 金魚 เรารู้สึกว่ามันทำให้นึกถึงปลาทองตัวเล็กๆมากกว่า ตอนเขียนเรื่องช้อนปลาทอง มีคนคอมเมนต์ว่าอยากให้อธิบายหน้าตาปลาทองมากกว่านี้ เราเลยไปหาพันธุ์ของปลาทองมา แต่สรุปก็ไม่ได้เขียนไปละเอียดอยู่ดี 555 ที่เราหามาก็มีประมาณนี้ค่ะ
小赤(こあか)
การบ้านเรื่องการเขียนบรรยายคราวที่แล้วเราเขียนเรื่องช้อนปลาทองไปค่ะ เป็นเรื่องที่เราได้แรงบันดาลใจ (จะเรียกว่าได้แรงบันดาลใจได้มั้ยเนี่ย ไปเอาพล็อตเขามาเกือบหมดเลย 555) มาจากเพลง金魚すくい ของ 藤田麻衣子 ค่ะ แล้วจริงๆที่เราไปรู้จักเพลงนี้เพราะเคยอ่านการ์ตูนที่คนเขียนใช้เพลงนี้เป็นธีมของเรื่องค่ะ 555 แต่การ์ตูนเรื่องนั้นเขาทำให้ตัวเอกเป็นคนที่ถูกช่วยออกมาจากที่ที่เขาโดนกักขังไว้ แต่สุดท้ายออกมาแล้วก็ตายอยู่ดีค่ะ ตอนอ่านการ์ตูนเรื่องนั้นจำได้ว่าร้องไห้หนักมาก ฮือ แล้วก็ชอบมากจนไปหาเพลงนี้มาฟัง พอฟังเพลงแล้วก็ชอบมากเหมือนกันค่ะ
(藤田麻衣子―魚すくい)
ตอนก่อนจะเขียนก็ได้ไปหาข้อมูลเรื่องการช้อนปลาทองมาบ้าง (แต่ก็ไม่ได้ใช้อะไรเลย 555) เลยคิดว่าจะลองเอามาเขียนรวมในไว้บล็อคดูค่ะ แต่จริงๆมันก็ไม่ได้มีเยอะเท่าไหร่หรอก 55
ประวัติการช้อนปลาทอง
จริงๆคิดว่าทุกคนคงจะรู้จักการช้อนปลาทองที่ชอบมีอยู่ตามงานเทศกาลของญี่ปุ่นกันอยู่แล้วเลยจะขอไม่อธิบายการชอนปลาทองในปัจจุบันนะคะ 55 จากที่เราไปหาๆมา การช้อนปลาทองมีมาตั้งแต่สมัยเอโดะค่ะ เห็นว่าเมื่อก่อนจะช้อนกันในเรือไม้ (เข้าใจว่าน่าจะเอาเรือมาทำเป็นอ่านค่ะ 55) หรือไม่ก็ในบ่อน้ำในสวนญี่ปุ่นค่ะ ส่วนของที่ใช้ช้อนก็เป็นตาข่ายปรกติ ไม่ใช่ไม้ขึงกระดาษที่ขาดง่ายๆแบบทกวันนี้ เป็นการแข่งกันว่าใครจะช้อนได้เยอะกว่ากันในเวลาที่กำหนดเฉยๆค่ะ แล้วพอช้อนแล้วก็เอากลับบ้านไม่ได้ด้วยค่ะ 55
พอถึงช่วงกลางๆเมจิถึงได้เริ่มมีการให้เอาปลาทองที่ช้อนมากลับบ้านได้ค่ะ พอให้เอากลับบ้านได้คนขายเลยต้องหาวิธีให้มันช้อนยากขึ้น ไม่งั้นไม่เหลือปลาพอดี เลยเริ่มใช้ไม้ช้อนที่ขึงด้วยกระดาษแบบทุกวันนี้ค่ะ แต่สมัยก่อนจะใช้เป็นด้ามโลหะค่ะ แล้วพอถึงช่วงปลายยุคไทโชก็กลายมาเป็นการช้อนปลาทองแบบที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ค่ะ
ไม้ช้อนปลาทอง
จริงๆก็มีอยู่แค่สองอย่างค่ะ คือปลา กับไม้ช้อนปลา 555 ตอนเขียนๆไปไม่รู้จะเรียกไม้ช้อนปลาว่าอะไรดี พอไปหาดูแล้วเหมือนเขาจะเรียกว่า ポイ หรือบางทีเรียกว่า すくい枠 ก็มีค่ะ ปัจจุบันจะเป็นด้ามพลาสติก แล้วกระดาษที่ขึงก็มีระดับความหนาบางด้วยค่ะ ความหนาจะมีระดับ 4号〜8号 แต่ที่ขายอยู่ทั่วไปจะนิยมเรียกเป็นคำบอกระดับเช่น 強・並・弱 มากกว่าค่ะ นอกจากนี้แล้ว ポイ ยังมีทั้งแบบใช้แล้วทิ้งกับแบบที่พอกระดาษขาดก็เอากระดาษใหม่มาใส่แล้วใช้ซ้ำได้ด้วยค่ะ
ปลาทองที่ใช้ในการช้อนปลาทอง
คำว่าปลาทองในภาษาไทย พอพูดแล้วเรารู้สึกว่าจะนึกถึงปลาทองหัวใหญ่ๆที่มีโหนกยังไงก็ไม่รู้ ไม่รู้คนอื่นเป็นเหมือนเรามั้ย 555 แต่คำว่า 金魚 เรารู้สึกว่ามันทำให้นึกถึงปลาทองตัวเล็กๆมากกว่า ตอนเขียนเรื่องช้อนปลาทอง มีคนคอมเมนต์ว่าอยากให้อธิบายหน้าตาปลาทองมากกว่านี้ เราเลยไปหาพันธุ์ของปลาทองมา แต่สรุปก็ไม่ได้เขียนไปละเอียดอยู่ดี 555 ที่เราหามาก็มีประมาณนี้ค่ะ
小赤(こあか)
(ที่มา : http://koushinbi-mitei.blog.so-net.ne.jp/2014-06-12)
ปลา 小赤 เป็นปลาที่เห็นใช้กันเยอะที่สุดค่ะ ขนาดจะเล็กๆ 小赤 เป็นคำที่ใช้เรียก ปลา 和金 ที่มีขนาดประมาณ 5 เซ็นค่ะ (ปลาทองในเรื่องที่เราเขียนก็เป็นปลาทองพันธุ์นี้ค่ะ ถึงจะไม่ได้เขียนไปในเรื่องก็เถอะ 555)
出目金(でめきん)
คือ...มันเป็นปลาทองที่เรารู้สึกว่าหน้าตามันแย่มากค่ะ 5555 ปลาพันธุ์นี้เห็นมีใช้ทั้งสีดำแล้วก็สีส้มเลยค่ะ แต่รู้สึกว่าไม่ว่าสีไหนมันก็หน้าตาแย่พอกัน ฮือ...555 หน้าตาก็จะประมาณนี้...
(ที่มา : https://www.shopping-charm.jp/ItemDetail.aspx?itemId=18720)
ประมาณนี้....
(ที่มา : https://matome.naver.jp/odai/2146750982763635301/2146751029064005003)
ที่มาของชื่อพันธุ์ 出目金 มาจากการที่ตาของมันโปนออกมา (อย่างน่ากลัว) นั่นเองค่ะ...เหมือนว่ามันจะถูกใช้เป็นอาหารสำหรับปลาพันธุ์ใหญ่ด้วยค่ะ ตอนแรกเรากะให้ปลาทองในเรื่องเป็นปลาทองพันธุ์นี้สีดำ แล้วให้มันมีปมว่าหน้าตาแย่ แต่มันหน้าตาแย่ไปนิด สรุปก็เลยให้เป็นปลา 小赤 ไปแทนค่ะ 555
姉金(あねきん)
มันก็คือ 小赤 ขนาดกลางนั่นเองค่ะ 555 หน้าตาเหมือน 小赤 เลย (เพราะงั้นเราจะไม่แปะรูปนะคะ 555) เพราะยังไงทั้งคู่ก็คือ 和金 เหมือนกัน แต่ 姉金 จะเป็นคำเรียก 和金 ที่ขนาดประมาณ 10 เซ็นค่ะ
นอกจากนี้แล้วบางทีก็มีพันธุ์หรูๆใส่มาบ้าง อย่างพวกオランダシシガシラ (ปลาทองแบบที่จะนึกถึงเวลาพูดคำว่าปลาทองในภาษาไทย 555) แต่จะใส่มานิดเดียวค่ะ เขาจะเรียกว่า 大物 ตอนหาๆรูปอยู่เห็นว่ามีเจ้าที่ใส่ปลาคาร์ฟตัวเล็กๆลงไปด้วย ยิ่งใหญ่มาก 555
เย ที่เราหาๆมาก็มีประมาณนี้ค่ะ (ไม่ได้ใช้ในเรื่องที่เขียนไปตรงไหนเลย 555) ที่มาของข้อมูลเรื่องประวัติมาจากเว็บนี้ค่ะ ส่วนข้อมูลเรื่องพันธุ์ปลาที่ใช้กับเรื่องไม้ช้อนปลาส่วนใหญ่มาจากวิกิค่ะ ตอนแรกตกใจมากที่มีวิกิเรื่องการช้อนปลาทองด้วย 555 เรื่องที่จะเขียนวันนี้ก็มีประมาณนี้ค่ะ ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
Saturday, March 18, 2017
目に浮かぶ描写
สวัสดีค่ะ หลังจากไม่ได้อัพมานาน เรากลับมาแล้วค่ะ 555 จากที่ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องการเขียนให้ข้อมูลหรือการเขียนแนะนำ คราวนี้เราจะมาพูดเรื่องการเขียนบรรยายกันค่ะ สิ่งที่เราได้ลองทำในครั้งนี้ก็คือการอธิบายสถานการณ์จากรูปภาพค่ะ
ที่อาจารย์ให้ทำในห้องคือให้จับคู่กับเพื่อนแล้วนั่งหันหน้าเข้าหากัน ฝ่ายนึงจะเห็นรูปที่ฉายบนจอหน้าห้อง ส่วนอีกคนจะไม่เห็น แล้วคนที่เห็นภาพจะต้องอธิบายสถานการณ์ในรูปให้คนที่ไม่เห็นฟังค่ะ
รูปที่เราได้เป็นรูปแรกคือรูปนี้ค่ะ
犬と子供がいて、で、子供が、犬の後ろに乗ろうと思って、(จนถึงตรงนี้คือที่อัดเสียงมา ต่อจากนี้จะเป็นที่มาจากความจำค่ะ......) 馬に乗るみたいに...子供は犬に近づいて、でもそのとき犬がおきて、子供が犬と目が合った。だから、子供は犬の後ろから入ろうと思って、ぐるーと後ろに回った。でも犬も体の方向を変えて、後ろを向いたので、子供がまた犬と顔合わせになった。
เสร็จแล้วอาจารย์ก็ให้เราดูที่คนญี่ปุ่นเขียนบรรยายภาพนี้ 表現 ที่เราชอบหรือคิดว่าน่าจะเอามาใช้จะมีประมาณนี้ค่ะ
1 . 犬の上に乗って遊ぶ
2 . きょとんとする
3 . ハイハイする
4 . 犬が目をあける ← อันนี้คิดว่าน่าจะเอามาให้เพราะพอบอกเพื่อนว่า犬がおきて แล้วเพื่อนนึกว่าหมาลุกขึ้นยืน เลยคิดว่าน่าจะใช้อันนี้แทนจะชัดเจนกว่าค่ะ
แล้วหลังจากนั้นอาจารย์ก็อธิบายว่าการบรรยายที่ดีมันเป็นยังไงบ้าง สรุปได้ว่าการบรรยายที่ดีจะต้องเป็นการบรรยายที่ทำให้เกิด 臨場感 ค่ะ และสิ่งที่ทำให้เกิด 臨場感 หลักๆก็คือ 3 อย่างนี้ค่ะ
1 . 文末表現
พวก ~てくる、~てしまう เป็นต้นค่ะ พอมีแล้วมันจะทำให้ประโยคมาอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าการจบประโยคแบบห้วนๆค่ะ
2 . オノマトペ
หรือก็คือคำเลียนเสียงธรรมชาตินั่นเองค่ะ ที่เราใช้ไปก็มี ぐるーと ใช้ตอนที่บอกว่าเด็กคลานอ้อมไปค่ะ การใช้ オノマトペ จะทำให้เกิดความมีชีวิตชีวาในการบรรยาย เหมือนเวลาเราใช้คำอย่าง ฟรุ้งฟริ้ง ในภาษาไทยค่ะ (เหมือนมั้ยนะ 555)
3 . 複合動詞
複合動詞 ก็คือกริยาผสมค่ะ อย่างเช่น 回り込む เป็นต้นค่ะ เราคิดว่าการใช้ 複合動詞 น่าจะทำให้การอธิบายชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ เพราะเราใส่ความหมายที่เจอจงเข้าไปกว่าเดิม อย่าง 回り込む ชัดเจนกว่า 回る ว่าไม่ใช่แค่วนไปรอบๆเฉยๆนะ
พอเรียนกันไปแล้ว อาจารย์ก็ให้ลองทำอีกรอบค่ะ คราวนี้รูปที่เราได้คือรูปนี้ค่ะ
อืม...รู้สึกว่าเนื้อหารู้เรื่องมากขึ้น (เพราะคนพูดเข้าใจเนื้อหามากกว่าอันที่แล้ว 555) แต่รู้สึกว่าการสื่ออารมณ์ (?) น้อยลงค่ะ ตอนครั้งแรงเรายังมีการใช้ オノマトペ บ้าง แต่รู้สึกว่าอันหลังไม่มีเลยค่ะ เป็นเหมือนการบอกข้อมูลเฉยๆ
พอมาเทียบกันสองอันแล้วทำให้รู้ว่าสิ่งที่เราต้องระวังคือ
1 . พยายามทำให้เกิด 臨場感 มากขึ้น โดยที่ข้อมูลยังถูกต้องและเข้าใจง่าย
2 . พยายามใช้ 複合動詞 ให้มากขึ้น จะเห็นว่าในที่พูดไปสองครั้งเราไม่ได้ใช้ 複合動詞 เลยสักครั้งค่ะ
3 . พยายามทำความเข้าใจข้อมูลก่อนจะนำไปอธิบาย..... พอไม่เข้าใจแล้วมันก็อธิบายไม่ได้จริงๆค่ะ 555
วันนี้ก็มีประมาณนี้ค่ะ เนื้อหาอาจจะน้อยๆไปหน่อย (รึเปล่า? 555) แต่ก็ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
ที่อาจารย์ให้ทำในห้องคือให้จับคู่กับเพื่อนแล้วนั่งหันหน้าเข้าหากัน ฝ่ายนึงจะเห็นรูปที่ฉายบนจอหน้าห้อง ส่วนอีกคนจะไม่เห็น แล้วคนที่เห็นภาพจะต้องอธิบายสถานการณ์ในรูปให้คนที่ไม่เห็นฟังค่ะ
รูปที่เราได้เป็นรูปแรกคือรูปนี้ค่ะ
ดูตอนแรกเราไม่เข้าใจเลยค่ะว่ารูปมันหมายความว่าอะไร 5555 จนให้คนอื่นอธิบายถึงได้เข้าใจว่ามันทำอะไรอยู่ แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขาต้องการจะสื่ออะไร 5555 เราเลยพูดไปแบบงงๆค่ะ
คือ......การบ้านที่ได้มาคือให้อัดเสียงแล้วมาถอดเทป แต่พอเราฟังที่เราอัดมาปรากฏว่าเรากดผิดค่ะ..........คือตอนเริ่มอัดไปสักพักมือเราคงเผลอไปโดนปุ่มหยุด แล้วพอพูดเสร็จกดหยุดมันก็พลายเป็นเริ่มอัดต่อแทน.......ฮืออออออออ เราจะพยายามเขียนมาจากความจำเอานะคะ ฮือ.....
ที่เราพูดมาจะเป็นประมาณนี้ค่ะ
犬と子供がいて、で、子供が、犬の後ろに乗ろうと思って、(จนถึงตรงนี้คือที่อัดเสียงมา ต่อจากนี้จะเป็นที่มาจากความจำค่ะ......) 馬に乗るみたいに...子供は犬に近づいて、でもそのとき犬がおきて、子供が犬と目が合った。だから、子供は犬の後ろから入ろうと思って、ぐるーと後ろに回った。でも犬も体の方向を変えて、後ろを向いたので、子供がまた犬と顔合わせになった。
เสร็จแล้วอาจารย์ก็ให้เราดูที่คนญี่ปุ่นเขียนบรรยายภาพนี้ 表現 ที่เราชอบหรือคิดว่าน่าจะเอามาใช้จะมีประมาณนี้ค่ะ
1 . 犬の上に乗って遊ぶ
2 . きょとんとする
3 . ハイハイする
4 . 犬が目をあける ← อันนี้คิดว่าน่าจะเอามาให้เพราะพอบอกเพื่อนว่า犬がおきて แล้วเพื่อนนึกว่าหมาลุกขึ้นยืน เลยคิดว่าน่าจะใช้อันนี้แทนจะชัดเจนกว่าค่ะ
แล้วหลังจากนั้นอาจารย์ก็อธิบายว่าการบรรยายที่ดีมันเป็นยังไงบ้าง สรุปได้ว่าการบรรยายที่ดีจะต้องเป็นการบรรยายที่ทำให้เกิด 臨場感 ค่ะ และสิ่งที่ทำให้เกิด 臨場感 หลักๆก็คือ 3 อย่างนี้ค่ะ
1 . 文末表現
พวก ~てくる、~てしまう เป็นต้นค่ะ พอมีแล้วมันจะทำให้ประโยคมาอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าการจบประโยคแบบห้วนๆค่ะ
2 . オノマトペ
หรือก็คือคำเลียนเสียงธรรมชาตินั่นเองค่ะ ที่เราใช้ไปก็มี ぐるーと ใช้ตอนที่บอกว่าเด็กคลานอ้อมไปค่ะ การใช้ オノマトペ จะทำให้เกิดความมีชีวิตชีวาในการบรรยาย เหมือนเวลาเราใช้คำอย่าง ฟรุ้งฟริ้ง ในภาษาไทยค่ะ (เหมือนมั้ยนะ 555)
3 . 複合動詞
複合動詞 ก็คือกริยาผสมค่ะ อย่างเช่น 回り込む เป็นต้นค่ะ เราคิดว่าการใช้ 複合動詞 น่าจะทำให้การอธิบายชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ เพราะเราใส่ความหมายที่เจอจงเข้าไปกว่าเดิม อย่าง 回り込む ชัดเจนกว่า 回る ว่าไม่ใช่แค่วนไปรอบๆเฉยๆนะ
พอเรียนกันไปแล้ว อาจารย์ก็ให้ลองทำอีกรอบค่ะ คราวนี้รูปที่เราได้คือรูปนี้ค่ะ
คราวนี้ที่เราพูดไปจะเป็นแบบนี้ค่ะ! (ไม่กดผิดแล้วนะ...;w;)
男の人がホテルのロビーで、あ、ソファー...ホテルのロビーのソファーで...に...に座っています。で、隣は、なんか、一人のおじさんが新聞を読んでいます。で、その男が周りを見ると、なんか、えっと...、地図を持っている外国人と目があって、その外国人が、なんか、道を聞こうとして近づいて来たんですが、その男が、えー、たぶん、外国人と話したくないので、その隣のおじさんに近づいていって、そのおじさんが読んでいる新聞の後ろに隠れた。
อืม...รู้สึกว่าเนื้อหารู้เรื่องมากขึ้น (เพราะคนพูดเข้าใจเนื้อหามากกว่าอันที่แล้ว 555) แต่รู้สึกว่าการสื่ออารมณ์ (?) น้อยลงค่ะ ตอนครั้งแรงเรายังมีการใช้ オノマトペ บ้าง แต่รู้สึกว่าอันหลังไม่มีเลยค่ะ เป็นเหมือนการบอกข้อมูลเฉยๆ
พอมาเทียบกันสองอันแล้วทำให้รู้ว่าสิ่งที่เราต้องระวังคือ
1 . พยายามทำให้เกิด 臨場感 มากขึ้น โดยที่ข้อมูลยังถูกต้องและเข้าใจง่าย
2 . พยายามใช้ 複合動詞 ให้มากขึ้น จะเห็นว่าในที่พูดไปสองครั้งเราไม่ได้ใช้ 複合動詞 เลยสักครั้งค่ะ
3 . พยายามทำความเข้าใจข้อมูลก่อนจะนำไปอธิบาย..... พอไม่เข้าใจแล้วมันก็อธิบายไม่ได้จริงๆค่ะ 555
วันนี้ก็มีประมาณนี้ค่ะ เนื้อหาอาจจะน้อยๆไปหน่อย (รึเปล่า? 555) แต่ก็ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
Saturday, March 4, 2017
HP紹介文 - My New Me -
สวัสดีค่ะ หลังจากคราวที่แล้วเขียนเรื่องที่สนใจไป คราวนี้กลับมาเป็นบล็อคส่งการบ้านแล้วค่ะ แฮ่ 555 วันนี้จะเป็นการเขียนแนะนำมหาวิทยาลัยค่ะ! โจทย์ของคราวนี้ก็คือให้เขียนแนะนำมหาวิทยาลัยหรือคณะค่ะ โดยจะเขียนแนะนำเกี่ยวกับอะไรก็ได้ เราเลยเลือกเขียนแนะนำอาหารของโรงอาหารในมหาวิทยาลัยค่ะ (สายกิน 555) งานคราวนี้เราจะทำกัน 7(?) ขั้นตอนค่ะ (นับดูแล้วก็เยอะเหมือนกันนะเนี่ย 555)
1.รวบรวมข้อมูลภาษาไทย
ขั้นตอนนี้เราไม่ได้ทำอะไรมากเท่าไหร่...555 เพราะเราจะพูดถึงอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่คนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยก็คงรู้กันอยู่แล้วเนอะ 55 เราเลยเอาจากที่ตัวเองรู้มาเขียนว่ามีอะไรอร่อยบ้าง อยู่ที่โรงอาหารไหนบ้างค่ะ
2.เอามาเขียนแนะนำเป็นภาษาญี่ปุ่นภายใน 400 ตัวอักษร
ขั้นตอนนี้เราก็เอาข้อมูลจากข้อ 1 มาเขียนค่ะ แต่ด้วยความที่มีจำกัดว่าภายใน 400 ตัวอักษร จะเขียนหมดคงไม่พอ เราเลยเลือกอาหารมาแนะนำ 3 อย่างค่ะ เขียนออกมาได้ประมาณนี้ค่ะ
食堂は空腹な学生達の胃を満たす大事な場所である。1 日のエネルギーをもらい、美味しい ご飯で精神的にも癒される場所である。しかし、美味しいものがあれば、美味しくもない物も ある。美味しい物だけを食べられるように、チュラロンコン大学の数多くある食堂から人気の 料理を紹介する。1 番人気があるメニューは文学部食堂の「カオニョウカイ」というフライド チキンとスティッキーライスである。「カオニョウカイ」の魅力はサクサクに挙げられた鶏肉 と甘さと辛さのバランスがよく取れたソースである。2 番の人気メニューは工学部食堂の「ク アイティアウ・トムヤム」というトムヤムヌードルである。独特なスープで長年学生から好ま れている。揚げ物の種類が多く、自分好みでトッピングできる。最後の 3 番は政治学部食堂の 「バミー・オットン」という店である。こちらは 2 番と同様、麺類の店であり、ヌードルの具 材が大量もらえるため、学生からの人気が高い。
3.ส่งให้อาจารย์แก้
หลังจากที่ส่งให่อาจารย์ดู (ส่งเมลให้อาจารย์ช้าด้วย ตอนแรกส่งไปแต่แบบกระดาษ ฮือออ ขอโทษค่ะ.....) ก็ได้รับคอมเมนต์มาแบบนี้ค่ะ
- เปิดเรื่องน่าสนุกดี
- แก้ภาษาตรงประโยคที่บอกว่า 「カオニョウカイ」の魅力は...である。
⇒แก้เป็น 「カオニョウカイ」の魅力は...にある。
- แก้คำผิดตรง はサクサクに挙げられた鶏肉
⇒แก้เป็น 揚げられた
ตอนแรกเรานึกว่า 魅力は ใช้กับ である มาตลอดเลยค่ะ แต่พอไปเช็คกับ 日本語コロケーション辞典 ดูถึงรู้ว่ามีเสน่ห์ที่ไหนเขาใช้ にある กันค่ะ ส่วนตรง 挙げられた นี่คือเด๋อเองล้วนๆค่ะ ฮือ พิมพ์ไปแล้วก็ไม่ได้เช็คว่าคันจิที่ออกมามันถูกมั้ย 555 ถ้า 挙げる จะแปลว่า ยก แบบ ยกตัวอย่างค่ะ (จริงๆก็มีอีกหลายความหมาย 55) ต้องเป็น 揚げる ถึงจะแปลว่าทอดค่ะ
4.ให้เพื่อนคอมเมนต์ให้
หลังจากที่ได้คอมเมนต์จากอาจารย์มาแล้วก็เอาวนให้เพื่อนคอมเมนต์อีกค่ะ คอมเมนต์ที่ได้มาก็มีประมาณนี้ค่ะ
- 2 ประโยคแรกไม่เกี่ยวกับเนื้อหาเท่าไหร่ เหมือนเขียนเรื่องที่ 当たり前 อยู่แล้ว
สองประโยคแรกที่ว่าคืออันนี้ค่ะ 食堂は空腹な学生達の胃を満たす大事な場所である。1 日のエネルギーをもらい、美味しい ご飯で精神的にも癒される場所である。
ที่เราเขียนไปเพราะต้องการจะบอกว่าโรงอาหารสำคัญยังไง ทำไมเราถึงต้องมาแนะนำอาหารในโรงอาหารด้วย แต่สงสัยจะเขียนออกมาอ้อมไปหน่อย แต่คอมเมนต์อาจารย์บอกว่าเปิดเรื่องได้น่าสนุกดี.....ฮือ เราควรจะทำยังไงกับมันดี...5555 - น่าจะบอกที่มาของความ 人気 นั้น จัดอันดับจากอะไร ใครเป็นคนคิด หรือเป็นความคิดของคนเขียน เอง อืม อันนี้เราพลาดจริงๆค่ะ เราดันใช้คำว่า人気の 料理 ซึ่งมันดูเป็นอะไรที่ทุกคนต้องยอมรับร่วมกัน คือเวลาอยู่ในมหาวิทยาลัยเราก็รู้แหละว่าอะไรดังไม่ดัง แต่เราก็หาอะไรที่เป็นหลักฐานมาบอกไม่ได้ว่าอันนี้ดังกว่าอันนี้จริงๆนะ เพราะงั้นเราเลยคิดว่าเราน่าจะเปลี่ยนไปบอกชัดๆเลยดีกว่าว่าเป็นอาหารที่เราแนะนำอย่างที่คอมเมนต์นี้บอกค่ะ
- อยากให้มีประโยคสรุป อาจจะเป็นเชิญชวนให้มากิน
อันนี้เราก็เห็นด้วยค่ะ ตอนเขียนเองก็รู้สึกเหมือนกันว่ามันจบห้วนๆไปหน่อย แต่มันจะเกิน 400 ตัวอักษรเลยจบไปทั้งๆอย่างงั้น...อืม ควรจะมีสรุปจริงๆสินะ 555
5.เอากลับไปแก้
หลังจากได้คอมเมนต์จากอาจารย์และจากเพื่อนๆมาแล้วเราก็เอากลับไปแก้ให้มันดีขึ้นค่ะ โดยรวมคือเราแก้จาก である体 เป็น ます体 แทนค่ะ เพราะดูตัวอย่างในคาบแล้วเห็นคนใช้ ます体 เยอะ55 ส่วนจุดที่เราปรับแก้ก็จะมีตามนี้ค่ะ ประโยคเปิด
ประโยคเปิดเราตัดสินใจแก้เป็นแบบนี้ค่ะ เหตุผลแรกคือ ประหยัดตัวอักษรค่ะ 55 คือเราคิดว่าเราควรจะลดตัวอักษรตอนเกริ่นเพื่อที่จะเอาไปใช้กับประโยคสรุปแทนค่ะ แล้วที่เปลี่ยนอีกที่คือ เปลี่ยนจาก 人気の 料理を紹介する เป็นおすすめのメニューを紹介します แทนค่ะ
- ประโยคสรุป
จากตอนแรกที่เราไม่ได้เขียนประโยคสรุป คราวนี้เราไปเขียนมาเพิ่มแล้วค่ะ! 55 จริงๆตอนเขียนข้อมูลเป็นภาษาไทยเราใส่เรื่องของหวานกับเครื่องดื่มไปด้วย แต่ที่เขียนไม่พอ เราเลยคิดว่าเอามาใส่ในประโยคสรุปหน่อยนึงละกัน แล้วก็ใส่ปรัะโยคเชิญชวนให้มากินตามที่มีคนคอมเมนต์มาให้ด้วยค่ะ ประโยคสรุปจะเป็นแบบนี้ค่ะ
6.ให้อาจารย์เช็คอีกรอบ
หลังจากเราแก้แล้วก็เอาไปให้อาจารย์เช็คอีกรอบค่ะ (อาจารย์คนละคน 55) คราวนี้ได้คอมเมนต์กลับมาตามนี้ค่ะ - อันดับ 1 กับ 2 เป็น 料理 แต่ทำไมอันดับ 3 เป็น 店 ได้คอมเมนต์มาก็ เอ้อ จริงด้วย 555 เราเลยตัดสินใจแก้เป็น 料理 ให้หมดเลยละกัน จากตอนแรกอันสุดท้ายเป็น「バミー・オットン」という店 เราแก้เป็น 「バミー・オットン」という店のヌートル ค่ะ
สุดท้ายแลกกันดูกับเพื่อนในกลุ่มอีกรอบแล้วได้คอมเมนต์ว่าถ้าแบ่งย่อหน้าน่าจะอ่านง่ายขึ้นเราเลยลองแบ่งย่อหน้าดูค่ะ ตอนแรกไม่ค่อยอยากแบ่งเพราะรู้สึกว่ามันสั้นอยู่แล้ว แบ่งย่อหน้าแล้วแต่ละย่อหน้าจะสั้นไป แต่รู้สึกว่ามาเป็นยาวๆแล้วอ่านยากจริงๆ เลยลองแบ่งดูค่ะ
สรุปแก้ทุกอย่างออกมาแล้วเป็นแบบนี้ค่ะ!
チュラロンコン大学食堂のおすすめの料理
チュラロンコン大学は食堂が数ヵ所あり、それぞれの食堂は豊富なメニューを取り揃えています。ここで、3つのおすすめのメニューを紹介します。
1番目は文学部食堂5番の店の「カオニョウカイ」というフライドチキンとスティッキーライスです。「カオニョウカイ」の魅力はサクサクに挙げられた鶏肉と甘さと辛さのバランスがよく取れたソースにあります。
2番目は工学部食堂のルジ店の「クアイティアウ・トムヤム」というトムヤムヌードルです。独特なスープで長年学生から好まれて、揚げ物の種類が多く、自分好みでトッピングできます。
最後の3番目は政治学部食堂の「バミー・オットン」という店のヌードルです。こちらは2番目と同様、麺類の店であり、ヌードルの具材が大量もらえるため、学生からの人気が高いです。
各食堂には料理以外飲み物やスイーツも揃っています。チュラロンコン大学を寄る際、ぜひ食べてみてください。(大学の地図はこちら)
สรุปข้อที่ควรระวังที่เจอในการเขียนครั้งนี้
1.ระวังเรื่องコロケーション อย่างเช่นตรง ~の魅力は...にある。
2.อย่าสะเพร่า...อ่านเช็คด้วยว่าพิมพ์ผิดมั้ย (นี่เป็นจุดอ่อนของเราเลยค่ะ เชื่อว่าในบล็อคนี่ก็คงมีพิมพ์ผิดเพียบ...ก็พยายามอ่านทวนแล้ว แต่ถ้าเจอช่วยคอมเมนต์บอกเราทีนะคะ ;w;)
3.ดูความเข้ากันของเนื้อหาทั้งหมด อย่างตรงที่ของเราแนะนำอาหาร 2 อันดับ แต่อันดับที่ 3 ดันเป็นร้าน
4.ถ้ามีจำกัดตัวอักษรให้ดูความสำคัญของเนื้อหาในสัมพันธ์กับจำนวนตัวอักษรที่ใช้ อย่างที่ของเราใช้ตัวอักษรตรงเกริ่นมากเกินไป เลยไม่มีที่ให้เขียนสรุป ทั้งๆที่เกริ่นนำกับสรุปน่าจะสำคัญพอๆกัน
5.มองในมุมมองคนอ่าน อย่างของเราลืมนึกไปว่าคนอ่านจะหาโรงอาหารไม่เจอ เลยไม่ได้ใส่ที่ตั้งไว้ให้ หาคิดถึงคนอ่านมากขึ้นก็น่าจะเขียนอะไรที่มีประโยชน์กับคนอ่านได้มากขึ้นค่ะ!
พอเขียนออกมาว่าเราแก้ไปยังไงบ้างแล้วก็รู้สึกว่าผ่านประบวนการอะไรมาเยอะเหมือนกันแฮะ กว่าจะออกมาเป็นงานเขียนชิ้นนึง นี่ขนาดแค่ 400 ตัวอักษรนะเนี่ย 55 เขียนบล็อคที่นึงแล้วออกมายาวมาก ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ !
1.รวบรวมข้อมูลภาษาไทย
ขั้นตอนนี้เราไม่ได้ทำอะไรมากเท่าไหร่...555 เพราะเราจะพูดถึงอาหาร ซึ่งเป็นเรื่องที่คนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยก็คงรู้กันอยู่แล้วเนอะ 55 เราเลยเอาจากที่ตัวเองรู้มาเขียนว่ามีอะไรอร่อยบ้าง อยู่ที่โรงอาหารไหนบ้างค่ะ
2.เอามาเขียนแนะนำเป็นภาษาญี่ปุ่นภายใน 400 ตัวอักษร
ขั้นตอนนี้เราก็เอาข้อมูลจากข้อ 1 มาเขียนค่ะ แต่ด้วยความที่มีจำกัดว่าภายใน 400 ตัวอักษร จะเขียนหมดคงไม่พอ เราเลยเลือกอาหารมาแนะนำ 3 อย่างค่ะ เขียนออกมาได้ประมาณนี้ค่ะ
食堂は空腹な学生達の胃を満たす大事な場所である。1 日のエネルギーをもらい、美味しい ご飯で精神的にも癒される場所である。しかし、美味しいものがあれば、美味しくもない物も ある。美味しい物だけを食べられるように、チュラロンコン大学の数多くある食堂から人気の 料理を紹介する。1 番人気があるメニューは文学部食堂の「カオニョウカイ」というフライド チキンとスティッキーライスである。「カオニョウカイ」の魅力はサクサクに挙げられた鶏肉 と甘さと辛さのバランスがよく取れたソースである。2 番の人気メニューは工学部食堂の「ク アイティアウ・トムヤム」というトムヤムヌードルである。独特なスープで長年学生から好ま れている。揚げ物の種類が多く、自分好みでトッピングできる。最後の 3 番は政治学部食堂の 「バミー・オットン」という店である。こちらは 2 番と同様、麺類の店であり、ヌードルの具 材が大量もらえるため、学生からの人気が高い。
3.ส่งให้อาจารย์แก้
หลังจากที่ส่งให่อาจารย์ดู (ส่งเมลให้อาจารย์ช้าด้วย ตอนแรกส่งไปแต่แบบกระดาษ ฮือออ ขอโทษค่ะ.....) ก็ได้รับคอมเมนต์มาแบบนี้ค่ะ
- เปิดเรื่องน่าสนุกดี
- แก้ภาษาตรงประโยคที่บอกว่า 「カオニョウカイ」の魅力は...である。
⇒แก้เป็น 「カオニョウカイ」の魅力は...にある。
- แก้คำผิดตรง はサクサクに挙げられた鶏肉
⇒แก้เป็น 揚げられた
ตอนแรกเรานึกว่า 魅力は ใช้กับ である มาตลอดเลยค่ะ แต่พอไปเช็คกับ 日本語コロケーション辞典 ดูถึงรู้ว่ามีเสน่ห์ที่ไหนเขาใช้ にある กันค่ะ ส่วนตรง 挙げられた นี่คือเด๋อเองล้วนๆค่ะ ฮือ พิมพ์ไปแล้วก็ไม่ได้เช็คว่าคันจิที่ออกมามันถูกมั้ย 555 ถ้า 挙げる จะแปลว่า ยก แบบ ยกตัวอย่างค่ะ (จริงๆก็มีอีกหลายความหมาย 55) ต้องเป็น 揚げる ถึงจะแปลว่าทอดค่ะ
4.ให้เพื่อนคอมเมนต์ให้
หลังจากที่ได้คอมเมนต์จากอาจารย์มาแล้วก็เอาวนให้เพื่อนคอมเมนต์อีกค่ะ คอมเมนต์ที่ได้มาก็มีประมาณนี้ค่ะ
- 2 ประโยคแรกไม่เกี่ยวกับเนื้อหาเท่าไหร่ เหมือนเขียนเรื่องที่ 当たり前 อยู่แล้ว
สองประโยคแรกที่ว่าคืออันนี้ค่ะ 食堂は空腹な学生達の胃を満たす大事な場所である。1 日のエネルギーをもらい、美味しい ご飯で精神的にも癒される場所である。
ที่เราเขียนไปเพราะต้องการจะบอกว่าโรงอาหารสำคัญยังไง ทำไมเราถึงต้องมาแนะนำอาหารในโรงอาหารด้วย แต่สงสัยจะเขียนออกมาอ้อมไปหน่อย แต่คอมเมนต์อาจารย์บอกว่าเปิดเรื่องได้น่าสนุกดี.....ฮือ เราควรจะทำยังไงกับมันดี...5555 - น่าจะบอกที่มาของความ 人気 นั้น จัดอันดับจากอะไร ใครเป็นคนคิด หรือเป็นความคิดของคนเขียน เอง อืม อันนี้เราพลาดจริงๆค่ะ เราดันใช้คำว่า人気の 料理 ซึ่งมันดูเป็นอะไรที่ทุกคนต้องยอมรับร่วมกัน คือเวลาอยู่ในมหาวิทยาลัยเราก็รู้แหละว่าอะไรดังไม่ดัง แต่เราก็หาอะไรที่เป็นหลักฐานมาบอกไม่ได้ว่าอันนี้ดังกว่าอันนี้จริงๆนะ เพราะงั้นเราเลยคิดว่าเราน่าจะเปลี่ยนไปบอกชัดๆเลยดีกว่าว่าเป็นอาหารที่เราแนะนำอย่างที่คอมเมนต์นี้บอกค่ะ
- อยากให้มีประโยคสรุป อาจจะเป็นเชิญชวนให้มากิน
อันนี้เราก็เห็นด้วยค่ะ ตอนเขียนเองก็รู้สึกเหมือนกันว่ามันจบห้วนๆไปหน่อย แต่มันจะเกิน 400 ตัวอักษรเลยจบไปทั้งๆอย่างงั้น...อืม ควรจะมีสรุปจริงๆสินะ 555
5.เอากลับไปแก้
หลังจากได้คอมเมนต์จากอาจารย์และจากเพื่อนๆมาแล้วเราก็เอากลับไปแก้ให้มันดีขึ้นค่ะ โดยรวมคือเราแก้จาก である体 เป็น ます体 แทนค่ะ เพราะดูตัวอย่างในคาบแล้วเห็นคนใช้ ます体 เยอะ55 ส่วนจุดที่เราปรับแก้ก็จะมีตามนี้ค่ะ ประโยคเปิด
食堂は空腹な学生達の胃を満たす大事な場所である。1 日のエネルギーをもらい、美味しい ご飯で精神的にも癒される場所である。しかし、美味しいものがあれば、美味しくもない物も ある。美味しい物だけを食べられるように、チュラロンコン大学の数多くある食堂から人気の 料理を紹介する。
チュラロンコン大学は食堂が数ヵ所あり、それぞれの食堂は豊富なメニューを取り揃えています。ここで、3つのおすすめのメニューを紹介します。
ประโยคเปิดเราตัดสินใจแก้เป็นแบบนี้ค่ะ เหตุผลแรกคือ ประหยัดตัวอักษรค่ะ 55 คือเราคิดว่าเราควรจะลดตัวอักษรตอนเกริ่นเพื่อที่จะเอาไปใช้กับประโยคสรุปแทนค่ะ แล้วที่เปลี่ยนอีกที่คือ เปลี่ยนจาก 人気の 料理を紹介する เป็นおすすめのメニューを紹介します แทนค่ะ
- ประโยคสรุป
จากตอนแรกที่เราไม่ได้เขียนประโยคสรุป คราวนี้เราไปเขียนมาเพิ่มแล้วค่ะ! 55 จริงๆตอนเขียนข้อมูลเป็นภาษาไทยเราใส่เรื่องของหวานกับเครื่องดื่มไปด้วย แต่ที่เขียนไม่พอ เราเลยคิดว่าเอามาใส่ในประโยคสรุปหน่อยนึงละกัน แล้วก็ใส่ปรัะโยคเชิญชวนให้มากินตามที่มีคนคอมเมนต์มาให้ด้วยค่ะ ประโยคสรุปจะเป็นแบบนี้ค่ะ
食堂には料理以外飲み物やスイーツも揃っています。チュラロンコン大学を寄る際、ぜひ食べてみてください。
6.ให้อาจารย์เช็คอีกรอบ
หลังจากเราแก้แล้วก็เอาไปให้อาจารย์เช็คอีกรอบค่ะ (อาจารย์คนละคน 55) คราวนี้ได้คอมเมนต์กลับมาตามนี้ค่ะ - อันดับ 1 กับ 2 เป็น 料理 แต่ทำไมอันดับ 3 เป็น 店 ได้คอมเมนต์มาก็ เอ้อ จริงด้วย 555 เราเลยตัดสินใจแก้เป็น 料理 ให้หมดเลยละกัน จากตอนแรกอันสุดท้ายเป็น「バミー・オットン」という店 เราแก้เป็น 「バミー・オットン」という店のヌートル ค่ะ
- แล้วคนอ่านจะหาโรงอาหารเจอได้ยังไง
เจอคอมเมนต์นี้เข้าไปเราไปไม่ถูกเลยค่ะ.....ฮือ 55 อืม มันก็จริงเนอะ บอกแค่ว่าอยู่โรงอาหารคณะไหนคนอ่านอาจจะหาไม่เจอ...แต่เราคงใส่ที่ตั้งของโรงอาหาร 3 โรงไปใน 400 ตัวไม่ได้ จริงๆก็อยากจะแปะแผนที่ไปเลย แต่เขาก็ให้เขียนเป็นตัวหนังสือ........พอไปถามอาจารย์เลยได้คำแนะนำว่าให้ใส่ลิงค์แผนที่ไปตรงท้ายให้เขาไปกดดูค่ะ เลยใส่อันนี้เพิ่มค่ะ ⇒ (大学の地図はこちら)แล้วก็เพิ่มด้วยว่าอาหารที่แนะนำอยู่ในร้านไหนของโรงอาหารค่ะ
เจอคอมเมนต์นี้เข้าไปเราไปไม่ถูกเลยค่ะ.....ฮือ 55 อืม มันก็จริงเนอะ บอกแค่ว่าอยู่โรงอาหารคณะไหนคนอ่านอาจจะหาไม่เจอ...แต่เราคงใส่ที่ตั้งของโรงอาหาร 3 โรงไปใน 400 ตัวไม่ได้ จริงๆก็อยากจะแปะแผนที่ไปเลย แต่เขาก็ให้เขียนเป็นตัวหนังสือ........พอไปถามอาจารย์เลยได้คำแนะนำว่าให้ใส่ลิงค์แผนที่ไปตรงท้ายให้เขาไปกดดูค่ะ เลยใส่อันนี้เพิ่มค่ะ ⇒ (大学の地図はこちら)แล้วก็เพิ่มด้วยว่าอาหารที่แนะนำอยู่ในร้านไหนของโรงอาหารค่ะ
สุดท้ายแลกกันดูกับเพื่อนในกลุ่มอีกรอบแล้วได้คอมเมนต์ว่าถ้าแบ่งย่อหน้าน่าจะอ่านง่ายขึ้นเราเลยลองแบ่งย่อหน้าดูค่ะ ตอนแรกไม่ค่อยอยากแบ่งเพราะรู้สึกว่ามันสั้นอยู่แล้ว แบ่งย่อหน้าแล้วแต่ละย่อหน้าจะสั้นไป แต่รู้สึกว่ามาเป็นยาวๆแล้วอ่านยากจริงๆ เลยลองแบ่งดูค่ะ
7.เอาไปลง lang-8 ให้คนเช็คภาษา
คราวนี้เศร้ามากค่ะ มีคนแก้ให้คนเดียว แถมแก้ให้ที่เดียวด้วย... สงสัยเราจะลงเวลาที่คนเห็นน้อย หรือเพราะมันยาวไป...ฮือ ที่มีคนแก้มาให้คือประโยคนี้ค่ะ
「カオニョウカイ」の魅力はサクサクに挙げられた鶏肉にอืมม...ลังเลมากว่าจะแก้ตามเขาดีมั้ย เพราะข้างหลังมันมี にあります อยู่แล้ว เลยคิดว่า に จะซ้ำกันมากเกินไปรึเปล่า แต่ดูแล้วมันก็ห่างกันอยู่ เป็น に ก็ได้แหละมั้ง 555 รู้สึกว่าใช้ に แล้วดูภาษาสวยขึ้นหน่อยนึง (?) 555と甘さと辛さのバランスがよく取れたソースにあります。
สรุปแก้ทุกอย่างออกมาแล้วเป็นแบบนี้ค่ะ!
チュラロンコン大学食堂のおすすめの料理
チュラロンコン大学は食堂が数ヵ所あり、それぞれの食堂は豊富なメニューを取り揃えています。ここで、3つのおすすめのメニューを紹介します。
1番目は文学部食堂5番の店の「カオニョウカイ」というフライドチキンとスティッキーライスです。「カオニョウカイ」の魅力はサクサクに挙げられた鶏肉と甘さと辛さのバランスがよく取れたソースにあります。
2番目は工学部食堂のルジ店の「クアイティアウ・トムヤム」というトムヤムヌードルです。独特なスープで長年学生から好まれて、揚げ物の種類が多く、自分好みでトッピングできます。
最後の3番目は政治学部食堂の「バミー・オットン」という店のヌードルです。こちらは2番目と同様、麺類の店であり、ヌードルの具材が大量もらえるため、学生からの人気が高いです。
各食堂には料理以外飲み物やスイーツも揃っています。チュラロンコン大学を寄る際、ぜひ食べてみてください。(大学の地図はこちら)
สรุปข้อที่ควรระวังที่เจอในการเขียนครั้งนี้
2.อย่าสะเพร่า...อ่านเช็คด้วยว่าพิมพ์ผิดมั้ย (นี่เป็นจุดอ่อนของเราเลยค่ะ เชื่อว่าในบล็อคนี่ก็คงมีพิมพ์ผิดเพียบ...ก็พยายามอ่านทวนแล้ว แต่ถ้าเจอช่วยคอมเมนต์บอกเราทีนะคะ ;w;)
3.ดูความเข้ากันของเนื้อหาทั้งหมด อย่างตรงที่ของเราแนะนำอาหาร 2 อันดับ แต่อันดับที่ 3 ดันเป็นร้าน
4.ถ้ามีจำกัดตัวอักษรให้ดูความสำคัญของเนื้อหาในสัมพันธ์กับจำนวนตัวอักษรที่ใช้ อย่างที่ของเราใช้ตัวอักษรตรงเกริ่นมากเกินไป เลยไม่มีที่ให้เขียนสรุป ทั้งๆที่เกริ่นนำกับสรุปน่าจะสำคัญพอๆกัน
5.มองในมุมมองคนอ่าน อย่างของเราลืมนึกไปว่าคนอ่านจะหาโรงอาหารไม่เจอ เลยไม่ได้ใส่ที่ตั้งไว้ให้ หาคิดถึงคนอ่านมากขึ้นก็น่าจะเขียนอะไรที่มีประโยชน์กับคนอ่านได้มากขึ้นค่ะ!
พอเขียนออกมาว่าเราแก้ไปยังไงบ้างแล้วก็รู้สึกว่าผ่านประบวนการอะไรมาเยอะเหมือนกันแฮะ กว่าจะออกมาเป็นงานเขียนชิ้นนึง นี่ขนาดแค่ 400 ตัวอักษรนะเนี่ย 55 เขียนบล็อคที่นึงแล้วออกมายาวมาก ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ !
Monday, February 27, 2017
【บุงอัล】ฮากิวะระ ซะคุทาโร่ กับ อากุตะกะวะ ริวโนะสึเกะ
แฮ่ สวัสดีค่ะ วันนี้ไม่ได้โผล่มาอัพเรื่องเรียนแต่อย่างใด วันนี้เราโผล่มาติ่งค่า 55555 หลายคนเห็นหัวบล็อคแล้วคงแบบ ชื่อนักเขียนมาเต็มขนาดนี้ ต้องจริงจังมากแน่ๆ (ถึงจะไม่รู้จักซะคุทาโร่แต่น่าจะรู้จักอากุตะกะวะกันเนอะ 55) แต่จะบอกว่า เรื่องของสองคนนี้ที่เราจะพูดถึงเป็นเรื่องที่มีที่มาจากเกมค่ะ 5555
ก่อนอื่นก็คงต้องพูดถึงเกมกันก่อน (แต่จะขอพูดถึงแค่คร่าวๆละกันนะคะ 55 ) เกมที่เราจะพูดถึงก็คือ 文豪とアルケミスト หรือเรียกย่อๆว่าบุงอัลค่ะ ทุกคนอาจจะงงว่า อ้าว แล้วนักเขียนมาเกี่ยวอะไรกับเกม คือเกมนี้เป็นเกมที่เอานักเขียนในยุค近代มาเปลี่ยนเป็นคาแรคเตอร์ในเกมค่ะ เนื้อเรื่องของเกมนี้ก็คือเราจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุแล้วต้องเรียกวิญญาณของนักเขียนให้กลับมาเกิดใหม่เพื่อที่จะสู้กับปีศาจ(?) ที่จะมากัดกินหนังสือค่ะ
(ขออภัยในความง่อยของคำแปลค่ะ.../กราบ) ฮือ พอเห็นจดหมายฉบับนี้ก็เลยแบบ เอ๊ะๆ เขาเคยมีเรื่องอะไรกันเหรอ!? เราเลยลองไปหาประวัติของเขามาอ่านดูค่ะ พออ่านไปแล้วก็แบบ โฮฮฮฮฮ มันดีนะะะ ความสัมพันธ์ของสองคนนี้นี่ดีจังเลยยยยยย เลยจะเอามารวมไว้ในนี้ค่ะ (คือจะหาคนกรี๊ดด้วย 5555) เรื่องที่รวมไว้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงค่ะ แต่ผ่านการสรุปด้วยฟิลเตอร์แฟนเกิร์ล และมีการเอาตัวละคนในเกมไปซ้อนทับกับนักเขียนตัวจริง เพราะงั้นก็ใช้วิจารณญาณ(?)ในการอ่านนะคะ 555
ฮากิวะระ ซะคุทาโร่ กับ อากุตะกะวะ ริวโนะสึเกะ
ถ้าจะพูดถึงความสัมพันธ์ของสองคนนี้ก็คงจะต้องพูดถึง มุโร่ ไซเซย์ ด้วยค่ะ เพราะงั้นโดยรวมเราเลยจะพูดถึงความสัมพันธ์ของสามคนนี้ แต่ว่าเน้นหนักไปที่ซะคุเซ็นเซย์กับอากุตะกะวะค่ะ
สามคนนี้มีจุดร่วมกันตรงที่บ้านอยู่ใกล้กันค่ะ สามคนนี้เคยอยู่แถวๆทะบะตะด้วยกันอยู่ช่วงนึง ตอนแรกไซเซ็ยเซย์กับอากุตะกะวะเซ็นเซย์อยู่แถวนั้นก่อนแล้วซะคุเซ็นเซย์ย้ายตามมาเพราะอยากอยู่ใกล้ๆไซเซ็นเซย์ 555 ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนจะเป็นประมาณนี้ค่ะ
-ไม่ชอบงานของอากุตะกะวะ (จริงๆคือไม่ชอบนิยาย) แต่บอกว่าชอบนิยายเรื่องหลังๆอย่างเช่น กัปปะ
-บอกว่าไม่ชอบงานของอากุตะกะวะเพราะเหมือนดูด้วยมุมมองของบุคคลที่สามมากไป ไม่ค่อยมีอารมณ์ของตัวเองในงานเท่าไหร่ เป็นงานแบบที่ตรงข้ามกับงานของตัวเอง (ถึงขนาดเคยเขียนไว้ว่า ถ้าในด้านมุมมองเกี่ยวกับงานเขียน เขากับอากุตะกะวะถือเป็นฝั่งตรงข้ามกัน เป็นศัตรูกัน)
-ไม่ยอมรับอากุตะกะวะในฐานะนักเขียนกลอน(詩人)ซะคุเซ็นเซย์เคยเขียนไว้ว่าอากุตะกะวะเป็นนักวิจารณ์กลอนที่ดี อ่านแล้วรู้ว่ากลอนไหนดีไม่ดี ให้คำวิจารณ์ได้ตรงจุด แต่ยังไงๆก็ไม่ใช่นักเขียนกลอน (กลอนในความหมายของซะคุเซ็นเซย์คืออะไรที่แสดงอารมณ์อันรุนแรงของคนเขียนออกมา อากุตะกะวะที่เขียนงานที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ของตัวเองออกมาเลยไม่ใช่นักเขียนกลอน)
-ทั้งๆที่ไม่ยอมรับมาตลอด แต่พออากุตะกะวะตายถึงได้มานั่งย้อนอ่านนิยายของอากุตะกะวะอีกรอบแล้วถึงเจอความ "รู้สึกอันรุนแรง" ที่อยู่ในนั้น ถึงได้ยอมรับงานของอากุตะกะวะ
-เหมือนว่าจะเคยเขียนไว้ว่าอากุตะกะวะเป็นชู้รัก(愛人)ของตัวเองด้วย 555 (แต่ก็เหมือนจะเคยเขียนถึงไซเซ็นเซย์แบบนี้เหมือนกัน 55555 ) แต่อันนี้เรายังหาที่มาไม่เจอค่ะ ใครรู้ช่วยบอกเราที 55
โมเม้นของสามคนนี้
1.ความวุ่นวายที่จูโอเท
มีครั้งนึงที่ซะคุเซ็นเซย์ไปงานเลี้ยงแล้วต้องขึ้นไปพูด พอพูดแล้วมีคนไม่พอใจจนกลายเป็นเรื่องทะเลาะกันในงาน ตอนนั้นไซเซ็นเซย์พยายามจะช่วยซะคุเซ็นเซย์เลยหยิบเก้าอี้มาเหวี่ยงๆเป็นอาวุท พออากุตะกะวะที่ไม่ได้ไปงานได้ยินเรื่องนี้ก็ส่งจดหมายมาหาไซเซ็นเซย์ประมาณว่า ทำดีมากเพื่อนรัก เหวี่ยงอีกๆ 5555 งานนี้ถูกจัดขึ้นที่ร้าน (ไม่แน่ใจว่าใช่ชื่อร้านมั้ย? 555) จูโอเท ซะคุเซ็นเซย์เลยเรียกขำๆว่า "เหตุการณ์ความวุ่นวายที่จูโอเท"
2.ซะคุเซ็นเซย์กับอากุตะกะวะเซ็นเซย์ทะเลาะกัน
ซะคุเซ็นเซย์เคยไปพูดไว้ในงานรวมตัวนักเขียนงานนึงว่าเขาไม่คิดว่าอากุตะกะวะเป็นนักเขียนกลอน ซะคุเซ็นเซย์ตั้งใจพูดในงานที่อากุตะกะวะเซ็นเซย์น่าจะเข้าร่วม แต่อากุตะกะวะเซ็นเซย์ดันไม่มา แต่หลังจากนั้นอากุตะกะวะเซ็นเซย์ก็ได้ยินเรื่องนี้แล้วก็โกรธ เลยไปเคลียร์กัน อากุตะกะวะเซ็นเซย์บอกว่า "ผมมีความเป็นนักเขียนกลอน(ในที่นี้คืองานที่แสดงอารมณ์รุนแรงออกมา)มากเลยนะ ทั้งๆที่เราเหมือนกันขนาดนี้แท้ๆ แต่ทำไมฮากิวะระคุงไม่เข้าใจผมเลย" แต่ซะคุเซ็นเซย์ก็บอกว่า "เราไม่เห็นจะเหมือนกันเลย นิสัยเราอาจจะเหมือนกัน แต่งานของเราไม่เหมือนกัน" แล้วก็เถียงกันไปเถียงกันมาว่าเหมือนหรือไม่เหมือน 55 สุดท้ายอากุตะกะวะเซ็นเซย์ก็บอกว่า "ทั้งๆที่ผมเข้าใจคุณแท้ๆ แต่ทำไมคุณไม่เข้าใจผมเลย ไม่แม้แต่จะพยายามทำความเข้าใจด้วย" (แปลมาคร่าวๆจาก芥川龍之介の死 ที่ซะคุเซ็นเซย์เขียนค่ะ)
อ่านไปแล้วก็ อ๋ออ ในจดหมายนี่หมายถึงอย่างงี้นี่เอง ฮืออออออ อากุตะกะวะเซ็นเซยยยยยยย์
3.ไปกินปลาไหลด้วยกันสามคน
มีครั้งนึงตอนที่ไปกินปลาไหลด้วยกันสามคน อากุตะกะวะเซ็นเซย์พูดว่า ถ้าดูด้านนิสัยแล้ว ตัวเองสนิทกับซะคุเซ็นเซย์มากกว่าสนิทกับไซเซ็นเซย์อีก (อ้าว ซะงั้น ทั้งที่รู้จักกับไซเซ็นเซย์มาก่อนแท้ๆ 555) ไซเซ็นเซย์เลยโกรธแล้วบอกว่าเกลียดคนนกสองหัวอย่างอากุตะกะวะเซ็นเซย์ที่สุดเลย แล้วครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ซะคุเซ็นเซย์ได้เจออากุตะกะวะเซ็นเซย์ก่อนตาย
อืม อ่านแล้วรู้สึกว่าถ้าชวนไปกินปลาไหลด้วยกันสามคนอีกไซเซ็นเซย์คงไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ 5555
เท่าที่เราไปหามาก็มีประมาณนี้ค่ะ! เฮือกกกก รู้สึกใช้พลังงานไปเยอะมาก 555 ข้อมูลส่วนใหญ่เอามาจาก 芥川龍之介の死 ที่ซะคุเซ็นเซย์เขียนค่ะ อ่านไปก็รู้สึกว่าทำไมซะคุเซ็นเซย์ใจร้ายจัง 555 ฮือ แต่ก็ชอบนะ.... ในสายตาเรารู้สึกว่าสองคนนี้ตรงกันข้ามยังไงก็ไม่รู้ 555 รู้สึกว่าซะคุเซ็นเซย์เป็นคนที่ชอบบอกว่า เหงาๆ ชีวิตเศร้า แต่จริงๆคือเป็นคนที่ชีวิตดีมาก 555 ส่วนอากุตะกะวะเซ็นเซย์ดูเป็นคนที่เศร้าแต่แสดงความเศร้าของตัวเองออกมาไม่ค่อยเก่ง แต่เราก็อ่านงานเขาไปไม่เยอะเลยไม่ค่อยรู้เหมือนกันค่ะ 555 ไว้ว่างๆจะไปอ่านฮะกุรุมะนะ...
ฮือ คราวนี้ติ่งไปเต็มที่เลย เขียนไปยาวมาก แถมรู้สึกว่าอธิบายไม่ค่อยจะรู้เรื่องด้วย โฮ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ (จะมีมั้ย 555) ถ้ามีคนมากรี๊ดเกมนี้กับเราจะดีใจมากค่ะ 555 แล้วเจอกันใหม่นะคะ!
ปล. ใครสนใจต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นไปอ่านกันได้ที่นี่ค่ะ
http://yab.o.oo7.jp/sakutarou1.html
http://yab.o.oo7.jp/akukou.html
http://yab.o.oo7.jp/akutui.html
ก่อนอื่นก็คงต้องพูดถึงเกมกันก่อน (แต่จะขอพูดถึงแค่คร่าวๆละกันนะคะ 55 ) เกมที่เราจะพูดถึงก็คือ 文豪とアルケミスト หรือเรียกย่อๆว่าบุงอัลค่ะ ทุกคนอาจจะงงว่า อ้าว แล้วนักเขียนมาเกี่ยวอะไรกับเกม คือเกมนี้เป็นเกมที่เอานักเขียนในยุค近代มาเปลี่ยนเป็นคาแรคเตอร์ในเกมค่ะ เนื้อเรื่องของเกมนี้ก็คือเราจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุแล้วต้องเรียกวิญญาณของนักเขียนให้กลับมาเกิดใหม่เพื่อที่จะสู้กับปีศาจ(?) ที่จะมากัดกินหนังสือค่ะ
หน้าตาเกมจะเป็นประมาณนี้ค่ะ!
ทีนี้ มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ 55 ที่เราเริ่มสนใจความสัมพันธ์ของ ฮากิวะระ ซะคุทาโร่ กับ อากุตะกะวะ ริวโนะสึเกะ ก็มีที่มามาจากเกมนี้ค่ะ คือตอนแรกเราไม่รู้เลยว่าสองคนนี้เขามีความเกี่ยวข้องกันด้วย จนไปเจอจดหมายในเกมฉบับนี้
"ผมได้ไปอ่านงานของอะกุตะกะวะคุงดีๆแล้วนะ ผมไม่ได้ทำความเข้าใจงานของอะกุตะกะวะคุงเลยจริงๆนั่นแหละ มาเข้าใจเอาหลังจากที่อะกุตะกะวะคุงตายไปแล้วเนี่ย ผมนี่งี่เง่าจริงๆเลย ไว้ไปกินปลาไหลด้วยกันสามคนกับไซอีกนะ"
(ขออภัยในความง่อยของคำแปลค่ะ.../กราบ) ฮือ พอเห็นจดหมายฉบับนี้ก็เลยแบบ เอ๊ะๆ เขาเคยมีเรื่องอะไรกันเหรอ!? เราเลยลองไปหาประวัติของเขามาอ่านดูค่ะ พออ่านไปแล้วก็แบบ โฮฮฮฮฮ มันดีนะะะ ความสัมพันธ์ของสองคนนี้นี่ดีจังเลยยยยยย เลยจะเอามารวมไว้ในนี้ค่ะ (คือจะหาคนกรี๊ดด้วย 5555) เรื่องที่รวมไว้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงค่ะ แต่ผ่านการสรุปด้วยฟิลเตอร์แฟนเกิร์ล และมีการเอาตัวละคนในเกมไปซ้อนทับกับนักเขียนตัวจริง เพราะงั้นก็ใช้วิจารณญาณ(?)ในการอ่านนะคะ 555
ฮากิวะระ ซะคุทาโร่ กับ อากุตะกะวะ ริวโนะสึเกะ
ถ้าจะพูดถึงความสัมพันธ์ของสองคนนี้ก็คงจะต้องพูดถึง มุโร่ ไซเซย์ ด้วยค่ะ เพราะงั้นโดยรวมเราเลยจะพูดถึงความสัมพันธ์ของสามคนนี้ แต่ว่าเน้นหนักไปที่ซะคุเซ็นเซย์กับอากุตะกะวะค่ะ
ทั้งสามคนจากเกมบุงอัลค่ะ! (ความสามารถในการวาดรูปเราทำได้แค่นี่แหละ....ฮือ 5555)ไซเซ็นเซย์ออกมาหน้าเหมือนคะไตเลย ขอโทษค่ะ...
สามคนนี้มีจุดร่วมกันตรงที่บ้านอยู่ใกล้กันค่ะ สามคนนี้เคยอยู่แถวๆทะบะตะด้วยกันอยู่ช่วงนึง ตอนแรกไซเซ็ยเซย์กับอากุตะกะวะเซ็นเซย์อยู่แถวนั้นก่อนแล้วซะคุเซ็นเซย์ย้ายตามมาเพราะอยากอยู่ใกล้ๆไซเซ็นเซย์ 555 ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนจะเป็นประมาณนี้ค่ะ
แนะนำคร่าวๆก่อนว่า ไซเซ็นเซย์กับซะคุเซ็นเซย์เป็นนักเขียนกลอนค่ะ ส่วนอากุตะกะวะก็เป็นนักเขีนยนิยาย (น่าจะรู้จักกันอยู่แล้วเนอะ 55) อากุตะกะวะเซ็นเซย์มีเขียนไฮกุออกมาบ้างนิดหน่อย ส่วนไซเซ็นเซย์หลังๆเริ่มหันมาเขียนนิยายแทนเขียนกลอนค่ะ (สงสัยเพราะเขียนกลอนได้เงินน้อย 55)
ซะคุเซ็นเซย์กับไซเซ็นเซย์สนิทกันมากกกกค่ะ (ก็ถึงขนาดย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ๆ 555) ในงานเขียนของไซเซ็นเซย์มีเขียนไว้ว่าเขากับซะคุเซ็นเซย์เป็น 二魂一体 กัน ประมาณว่าถึงเป็นคนละคนแต่ก็เหมือนเป็นคนเดียวกันค่ะ ส่วนซะคุเซ็นเซย์ก็เคยเขียนในจดหมายว่าไซเป็นเหมือนพี่น้องของตัวเองค่ะ ซะคุเซ็นเซย์รู้จักกับอากุตะกะวะเซ็นเซย์ผ่านการแนะนำของไซเซ็นเซย์แล้วก็สนิทกันในช่วยสองสามปีก่อนที่อากุตะกะวะเซ็นเซย์จะฆ่าตัวตายค่ะ ไปอ่านเจอมาว่าวันที่อากุตะกะวะเซ็นเซย์จะฆ่าตัวตายเขาไปหาไซเซ็นเซย์ที่บ้านแต่ว่าไซเซ็นเซย์ไม่อยู่ พอไซเซ็นเซย์รู้เรื่องเลยเสียใจมากว่า ถ้าได้เจอกันก่อนอาจจะช่วยรับฟังเรื่องของอากุตะกะวะเซ็นเซย์แล้วช่วยพูดให้เขาไม่ฆ่าตัวตายได้ (ฮืออออ)
ซะคุทาโร่ ← อากุตะกะวะ
-ชอบกลอนซะคุเซ็นเซย์มาก ชื่นชม
เคยนอนอ่านหนังสือรวมผลงานอยู่ตอนเช้า อ่านไปเจอกลอนของซะคุเซ็นเซย์แล้วชอบมากขนาดที่วิ่งไปหาซะคุเซ็นเซย์ที่บ้านแล้วบุกไปถึงห้องนอนโดยที่ตัวเองยังใส่ชุดนอนอยู่
-เคยพูดไว้ว่าตัวเองกับซะคุเซ็นเซย์เป็นนักเขียนกลอน(詩人)ที่เหมือนกันมาก
-ตอนที่ได้ยินว่าซะคุเซ็นเซย์จะย้ายมาอยู่ที่ทะบะตะ อากุตะกะวะเซ็นเซย์ดีใจมาก ถึงขนาดเขียนจดหมายไปเล่าให้เพื่อน (ซาโต้ ฮารุโอะ) ฟัง 555
-พอซะคุเซ็นเซย์ย้ายมา ไซเซ็นเซย์ก็บอกว่าไว้จะพาซะคุเซ็นเซย์มาทักทาย แต่ก็ไม่มาสักที อะกุตะกะวะเซ็นเซย์เลยไปหาซะคุเซ็นเซย์ที่บ้านเอง 555
-ไม่ว่าซะคุเซ็นเซย์จะเอาแต่ใจยังไงก็ไม่ค่อยโกรธ (อันนี้ไปเจอมาในบทความที่ซะคุเซ็นเซย์เขียนตอนอากุตะกะวะเซ็นเซย์ตายค่ะ สงสัยเหมือนกันว่าซะคุเซ็นเซย์ไปเอาแต่ใจอะไรไว้ 555 แถมซะคุเซ็นเซย์ยังเขียนไว้ว่า อากุตะกะวะไม่โกรธจนบางทีเขาก็หงุดหงิดว่าโกรธบ้างก็ได้นะ 555)
ซะคุทาโร่ → อากุตะกะวะ
-ตอนแรกแอบรู้สึกต่อต้าน เพราะรู้สึกว่าอากุตะกะวะเป็นคนที่มองความคิดคนอื่นออกแล้วพยายามปรับตัวให้เข้ากับอีกฝ่ายเกินไปจนซะคุเซ็นเซย์บอกว่ารู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ทั้งๆที่ตัวเองอายุมากกว่าแท้ๆ
-ไม่ชอบงานของอากุตะกะวะ (จริงๆคือไม่ชอบนิยาย) แต่บอกว่าชอบนิยายเรื่องหลังๆอย่างเช่น กัปปะ
-บอกว่าไม่ชอบงานของอากุตะกะวะเพราะเหมือนดูด้วยมุมมองของบุคคลที่สามมากไป ไม่ค่อยมีอารมณ์ของตัวเองในงานเท่าไหร่ เป็นงานแบบที่ตรงข้ามกับงานของตัวเอง (ถึงขนาดเคยเขียนไว้ว่า ถ้าในด้านมุมมองเกี่ยวกับงานเขียน เขากับอากุตะกะวะถือเป็นฝั่งตรงข้ามกัน เป็นศัตรูกัน)
-ไม่ยอมรับอากุตะกะวะในฐานะนักเขียนกลอน(詩人)ซะคุเซ็นเซย์เคยเขียนไว้ว่าอากุตะกะวะเป็นนักวิจารณ์กลอนที่ดี อ่านแล้วรู้ว่ากลอนไหนดีไม่ดี ให้คำวิจารณ์ได้ตรงจุด แต่ยังไงๆก็ไม่ใช่นักเขียนกลอน (กลอนในความหมายของซะคุเซ็นเซย์คืออะไรที่แสดงอารมณ์อันรุนแรงของคนเขียนออกมา อากุตะกะวะที่เขียนงานที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ของตัวเองออกมาเลยไม่ใช่นักเขียนกลอน)
-ทั้งๆที่ไม่ยอมรับมาตลอด แต่พออากุตะกะวะตายถึงได้มานั่งย้อนอ่านนิยายของอากุตะกะวะอีกรอบแล้วถึงเจอความ "รู้สึกอันรุนแรง" ที่อยู่ในนั้น ถึงได้ยอมรับงานของอากุตะกะวะ
-เหมือนว่าจะเคยเขียนไว้ว่าอากุตะกะวะเป็นชู้รัก(愛人)ของตัวเองด้วย 555 (แต่ก็เหมือนจะเคยเขียนถึงไซเซ็นเซย์แบบนี้เหมือนกัน 55555 ) แต่อันนี้เรายังหาที่มาไม่เจอค่ะ ใครรู้ช่วยบอกเราที 55
โมเม้นของสามคนนี้
1.ความวุ่นวายที่จูโอเท
มีครั้งนึงที่ซะคุเซ็นเซย์ไปงานเลี้ยงแล้วต้องขึ้นไปพูด พอพูดแล้วมีคนไม่พอใจจนกลายเป็นเรื่องทะเลาะกันในงาน ตอนนั้นไซเซ็นเซย์พยายามจะช่วยซะคุเซ็นเซย์เลยหยิบเก้าอี้มาเหวี่ยงๆเป็นอาวุท พออากุตะกะวะที่ไม่ได้ไปงานได้ยินเรื่องนี้ก็ส่งจดหมายมาหาไซเซ็นเซย์ประมาณว่า ทำดีมากเพื่อนรัก เหวี่ยงอีกๆ 5555 งานนี้ถูกจัดขึ้นที่ร้าน (ไม่แน่ใจว่าใช่ชื่อร้านมั้ย? 555) จูโอเท ซะคุเซ็นเซย์เลยเรียกขำๆว่า "เหตุการณ์ความวุ่นวายที่จูโอเท"
2.ซะคุเซ็นเซย์กับอากุตะกะวะเซ็นเซย์ทะเลาะกัน
ซะคุเซ็นเซย์เคยไปพูดไว้ในงานรวมตัวนักเขียนงานนึงว่าเขาไม่คิดว่าอากุตะกะวะเป็นนักเขียนกลอน ซะคุเซ็นเซย์ตั้งใจพูดในงานที่อากุตะกะวะเซ็นเซย์น่าจะเข้าร่วม แต่อากุตะกะวะเซ็นเซย์ดันไม่มา แต่หลังจากนั้นอากุตะกะวะเซ็นเซย์ก็ได้ยินเรื่องนี้แล้วก็โกรธ เลยไปเคลียร์กัน อากุตะกะวะเซ็นเซย์บอกว่า "ผมมีความเป็นนักเขียนกลอน(ในที่นี้คืองานที่แสดงอารมณ์รุนแรงออกมา)มากเลยนะ ทั้งๆที่เราเหมือนกันขนาดนี้แท้ๆ แต่ทำไมฮากิวะระคุงไม่เข้าใจผมเลย" แต่ซะคุเซ็นเซย์ก็บอกว่า "เราไม่เห็นจะเหมือนกันเลย นิสัยเราอาจจะเหมือนกัน แต่งานของเราไม่เหมือนกัน" แล้วก็เถียงกันไปเถียงกันมาว่าเหมือนหรือไม่เหมือน 55 สุดท้ายอากุตะกะวะเซ็นเซย์ก็บอกว่า "ทั้งๆที่ผมเข้าใจคุณแท้ๆ แต่ทำไมคุณไม่เข้าใจผมเลย ไม่แม้แต่จะพยายามทำความเข้าใจด้วย" (แปลมาคร่าวๆจาก芥川龍之介の死 ที่ซะคุเซ็นเซย์เขียนค่ะ)
อ่านไปแล้วก็ อ๋ออ ในจดหมายนี่หมายถึงอย่างงี้นี่เอง ฮืออออออ อากุตะกะวะเซ็นเซยยยยยยย์
3.ไปกินปลาไหลด้วยกันสามคน
มีครั้งนึงตอนที่ไปกินปลาไหลด้วยกันสามคน อากุตะกะวะเซ็นเซย์พูดว่า ถ้าดูด้านนิสัยแล้ว ตัวเองสนิทกับซะคุเซ็นเซย์มากกว่าสนิทกับไซเซ็นเซย์อีก (อ้าว ซะงั้น ทั้งที่รู้จักกับไซเซ็นเซย์มาก่อนแท้ๆ 555) ไซเซ็นเซย์เลยโกรธแล้วบอกว่าเกลียดคนนกสองหัวอย่างอากุตะกะวะเซ็นเซย์ที่สุดเลย แล้วครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ซะคุเซ็นเซย์ได้เจออากุตะกะวะเซ็นเซย์ก่อนตาย
อืม อ่านแล้วรู้สึกว่าถ้าชวนไปกินปลาไหลด้วยกันสามคนอีกไซเซ็นเซย์คงไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ 5555
เท่าที่เราไปหามาก็มีประมาณนี้ค่ะ! เฮือกกกก รู้สึกใช้พลังงานไปเยอะมาก 555 ข้อมูลส่วนใหญ่เอามาจาก 芥川龍之介の死 ที่ซะคุเซ็นเซย์เขียนค่ะ อ่านไปก็รู้สึกว่าทำไมซะคุเซ็นเซย์ใจร้ายจัง 555 ฮือ แต่ก็ชอบนะ.... ในสายตาเรารู้สึกว่าสองคนนี้ตรงกันข้ามยังไงก็ไม่รู้ 555 รู้สึกว่าซะคุเซ็นเซย์เป็นคนที่ชอบบอกว่า เหงาๆ ชีวิตเศร้า แต่จริงๆคือเป็นคนที่ชีวิตดีมาก 555 ส่วนอากุตะกะวะเซ็นเซย์ดูเป็นคนที่เศร้าแต่แสดงความเศร้าของตัวเองออกมาไม่ค่อยเก่ง แต่เราก็อ่านงานเขาไปไม่เยอะเลยไม่ค่อยรู้เหมือนกันค่ะ 555 ไว้ว่างๆจะไปอ่านฮะกุรุมะนะ...
ฮือ คราวนี้ติ่งไปเต็มที่เลย เขียนไปยาวมาก แถมรู้สึกว่าอธิบายไม่ค่อยจะรู้เรื่องด้วย โฮ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ (จะมีมั้ย 555) ถ้ามีคนมากรี๊ดเกมนี้กับเราจะดีใจมากค่ะ 555 แล้วเจอกันใหม่นะคะ!
ปล. ใครสนใจต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นไปอ่านกันได้ที่นี่ค่ะ
http://yab.o.oo7.jp/sakutarou1.html
http://yab.o.oo7.jp/akukou.html
http://yab.o.oo7.jp/akutui.html
Subscribe to:
Posts (Atom)