ก่อนอื่นก็คงต้องพูดถึงเกมกันก่อน (แต่จะขอพูดถึงแค่คร่าวๆละกันนะคะ 55 ) เกมที่เราจะพูดถึงก็คือ 文豪とアルケミスト หรือเรียกย่อๆว่าบุงอัลค่ะ ทุกคนอาจจะงงว่า อ้าว แล้วนักเขียนมาเกี่ยวอะไรกับเกม คือเกมนี้เป็นเกมที่เอานักเขียนในยุค近代มาเปลี่ยนเป็นคาแรคเตอร์ในเกมค่ะ เนื้อเรื่องของเกมนี้ก็คือเราจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุแล้วต้องเรียกวิญญาณของนักเขียนให้กลับมาเกิดใหม่เพื่อที่จะสู้กับปีศาจ(?) ที่จะมากัดกินหนังสือค่ะ
หน้าตาเกมจะเป็นประมาณนี้ค่ะ!
ทีนี้ มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ 55 ที่เราเริ่มสนใจความสัมพันธ์ของ ฮากิวะระ ซะคุทาโร่ กับ อากุตะกะวะ ริวโนะสึเกะ ก็มีที่มามาจากเกมนี้ค่ะ คือตอนแรกเราไม่รู้เลยว่าสองคนนี้เขามีความเกี่ยวข้องกันด้วย จนไปเจอจดหมายในเกมฉบับนี้
"ผมได้ไปอ่านงานของอะกุตะกะวะคุงดีๆแล้วนะ ผมไม่ได้ทำความเข้าใจงานของอะกุตะกะวะคุงเลยจริงๆนั่นแหละ มาเข้าใจเอาหลังจากที่อะกุตะกะวะคุงตายไปแล้วเนี่ย ผมนี่งี่เง่าจริงๆเลย ไว้ไปกินปลาไหลด้วยกันสามคนกับไซอีกนะ"
(ขออภัยในความง่อยของคำแปลค่ะ.../กราบ) ฮือ พอเห็นจดหมายฉบับนี้ก็เลยแบบ เอ๊ะๆ เขาเคยมีเรื่องอะไรกันเหรอ!? เราเลยลองไปหาประวัติของเขามาอ่านดูค่ะ พออ่านไปแล้วก็แบบ โฮฮฮฮฮ มันดีนะะะ ความสัมพันธ์ของสองคนนี้นี่ดีจังเลยยยยยย เลยจะเอามารวมไว้ในนี้ค่ะ (คือจะหาคนกรี๊ดด้วย 5555) เรื่องที่รวมไว้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงค่ะ แต่ผ่านการสรุปด้วยฟิลเตอร์แฟนเกิร์ล และมีการเอาตัวละคนในเกมไปซ้อนทับกับนักเขียนตัวจริง เพราะงั้นก็ใช้วิจารณญาณ(?)ในการอ่านนะคะ 555
ฮากิวะระ ซะคุทาโร่ กับ อากุตะกะวะ ริวโนะสึเกะ
ถ้าจะพูดถึงความสัมพันธ์ของสองคนนี้ก็คงจะต้องพูดถึง มุโร่ ไซเซย์ ด้วยค่ะ เพราะงั้นโดยรวมเราเลยจะพูดถึงความสัมพันธ์ของสามคนนี้ แต่ว่าเน้นหนักไปที่ซะคุเซ็นเซย์กับอากุตะกะวะค่ะ
ทั้งสามคนจากเกมบุงอัลค่ะ! (ความสามารถในการวาดรูปเราทำได้แค่นี่แหละ....ฮือ 5555)ไซเซ็นเซย์ออกมาหน้าเหมือนคะไตเลย ขอโทษค่ะ...
สามคนนี้มีจุดร่วมกันตรงที่บ้านอยู่ใกล้กันค่ะ สามคนนี้เคยอยู่แถวๆทะบะตะด้วยกันอยู่ช่วงนึง ตอนแรกไซเซ็ยเซย์กับอากุตะกะวะเซ็นเซย์อยู่แถวนั้นก่อนแล้วซะคุเซ็นเซย์ย้ายตามมาเพราะอยากอยู่ใกล้ๆไซเซ็นเซย์ 555 ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนจะเป็นประมาณนี้ค่ะ
แนะนำคร่าวๆก่อนว่า ไซเซ็นเซย์กับซะคุเซ็นเซย์เป็นนักเขียนกลอนค่ะ ส่วนอากุตะกะวะก็เป็นนักเขีนยนิยาย (น่าจะรู้จักกันอยู่แล้วเนอะ 55) อากุตะกะวะเซ็นเซย์มีเขียนไฮกุออกมาบ้างนิดหน่อย ส่วนไซเซ็นเซย์หลังๆเริ่มหันมาเขียนนิยายแทนเขียนกลอนค่ะ (สงสัยเพราะเขียนกลอนได้เงินน้อย 55)
ซะคุเซ็นเซย์กับไซเซ็นเซย์สนิทกันมากกกกค่ะ (ก็ถึงขนาดย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ๆ 555) ในงานเขียนของไซเซ็นเซย์มีเขียนไว้ว่าเขากับซะคุเซ็นเซย์เป็น 二魂一体 กัน ประมาณว่าถึงเป็นคนละคนแต่ก็เหมือนเป็นคนเดียวกันค่ะ ส่วนซะคุเซ็นเซย์ก็เคยเขียนในจดหมายว่าไซเป็นเหมือนพี่น้องของตัวเองค่ะ ซะคุเซ็นเซย์รู้จักกับอากุตะกะวะเซ็นเซย์ผ่านการแนะนำของไซเซ็นเซย์แล้วก็สนิทกันในช่วยสองสามปีก่อนที่อากุตะกะวะเซ็นเซย์จะฆ่าตัวตายค่ะ ไปอ่านเจอมาว่าวันที่อากุตะกะวะเซ็นเซย์จะฆ่าตัวตายเขาไปหาไซเซ็นเซย์ที่บ้านแต่ว่าไซเซ็นเซย์ไม่อยู่ พอไซเซ็นเซย์รู้เรื่องเลยเสียใจมากว่า ถ้าได้เจอกันก่อนอาจจะช่วยรับฟังเรื่องของอากุตะกะวะเซ็นเซย์แล้วช่วยพูดให้เขาไม่ฆ่าตัวตายได้ (ฮืออออ)
ซะคุทาโร่ ← อากุตะกะวะ
-ชอบกลอนซะคุเซ็นเซย์มาก ชื่นชม
เคยนอนอ่านหนังสือรวมผลงานอยู่ตอนเช้า อ่านไปเจอกลอนของซะคุเซ็นเซย์แล้วชอบมากขนาดที่วิ่งไปหาซะคุเซ็นเซย์ที่บ้านแล้วบุกไปถึงห้องนอนโดยที่ตัวเองยังใส่ชุดนอนอยู่
-เคยพูดไว้ว่าตัวเองกับซะคุเซ็นเซย์เป็นนักเขียนกลอน(詩人)ที่เหมือนกันมาก
-ตอนที่ได้ยินว่าซะคุเซ็นเซย์จะย้ายมาอยู่ที่ทะบะตะ อากุตะกะวะเซ็นเซย์ดีใจมาก ถึงขนาดเขียนจดหมายไปเล่าให้เพื่อน (ซาโต้ ฮารุโอะ) ฟัง 555
-พอซะคุเซ็นเซย์ย้ายมา ไซเซ็นเซย์ก็บอกว่าไว้จะพาซะคุเซ็นเซย์มาทักทาย แต่ก็ไม่มาสักที อะกุตะกะวะเซ็นเซย์เลยไปหาซะคุเซ็นเซย์ที่บ้านเอง 555
-ไม่ว่าซะคุเซ็นเซย์จะเอาแต่ใจยังไงก็ไม่ค่อยโกรธ (อันนี้ไปเจอมาในบทความที่ซะคุเซ็นเซย์เขียนตอนอากุตะกะวะเซ็นเซย์ตายค่ะ สงสัยเหมือนกันว่าซะคุเซ็นเซย์ไปเอาแต่ใจอะไรไว้ 555 แถมซะคุเซ็นเซย์ยังเขียนไว้ว่า อากุตะกะวะไม่โกรธจนบางทีเขาก็หงุดหงิดว่าโกรธบ้างก็ได้นะ 555)
ซะคุทาโร่ → อากุตะกะวะ
-ตอนแรกแอบรู้สึกต่อต้าน เพราะรู้สึกว่าอากุตะกะวะเป็นคนที่มองความคิดคนอื่นออกแล้วพยายามปรับตัวให้เข้ากับอีกฝ่ายเกินไปจนซะคุเซ็นเซย์บอกว่ารู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ทั้งๆที่ตัวเองอายุมากกว่าแท้ๆ
-ไม่ชอบงานของอากุตะกะวะ (จริงๆคือไม่ชอบนิยาย) แต่บอกว่าชอบนิยายเรื่องหลังๆอย่างเช่น กัปปะ
-บอกว่าไม่ชอบงานของอากุตะกะวะเพราะเหมือนดูด้วยมุมมองของบุคคลที่สามมากไป ไม่ค่อยมีอารมณ์ของตัวเองในงานเท่าไหร่ เป็นงานแบบที่ตรงข้ามกับงานของตัวเอง (ถึงขนาดเคยเขียนไว้ว่า ถ้าในด้านมุมมองเกี่ยวกับงานเขียน เขากับอากุตะกะวะถือเป็นฝั่งตรงข้ามกัน เป็นศัตรูกัน)
-ไม่ยอมรับอากุตะกะวะในฐานะนักเขียนกลอน(詩人)ซะคุเซ็นเซย์เคยเขียนไว้ว่าอากุตะกะวะเป็นนักวิจารณ์กลอนที่ดี อ่านแล้วรู้ว่ากลอนไหนดีไม่ดี ให้คำวิจารณ์ได้ตรงจุด แต่ยังไงๆก็ไม่ใช่นักเขียนกลอน (กลอนในความหมายของซะคุเซ็นเซย์คืออะไรที่แสดงอารมณ์อันรุนแรงของคนเขียนออกมา อากุตะกะวะที่เขียนงานที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ของตัวเองออกมาเลยไม่ใช่นักเขียนกลอน)
-ทั้งๆที่ไม่ยอมรับมาตลอด แต่พออากุตะกะวะตายถึงได้มานั่งย้อนอ่านนิยายของอากุตะกะวะอีกรอบแล้วถึงเจอความ "รู้สึกอันรุนแรง" ที่อยู่ในนั้น ถึงได้ยอมรับงานของอากุตะกะวะ
-เหมือนว่าจะเคยเขียนไว้ว่าอากุตะกะวะเป็นชู้รัก(愛人)ของตัวเองด้วย 555 (แต่ก็เหมือนจะเคยเขียนถึงไซเซ็นเซย์แบบนี้เหมือนกัน 55555 ) แต่อันนี้เรายังหาที่มาไม่เจอค่ะ ใครรู้ช่วยบอกเราที 55
โมเม้นของสามคนนี้
1.ความวุ่นวายที่จูโอเท
มีครั้งนึงที่ซะคุเซ็นเซย์ไปงานเลี้ยงแล้วต้องขึ้นไปพูด พอพูดแล้วมีคนไม่พอใจจนกลายเป็นเรื่องทะเลาะกันในงาน ตอนนั้นไซเซ็นเซย์พยายามจะช่วยซะคุเซ็นเซย์เลยหยิบเก้าอี้มาเหวี่ยงๆเป็นอาวุท พออากุตะกะวะที่ไม่ได้ไปงานได้ยินเรื่องนี้ก็ส่งจดหมายมาหาไซเซ็นเซย์ประมาณว่า ทำดีมากเพื่อนรัก เหวี่ยงอีกๆ 5555 งานนี้ถูกจัดขึ้นที่ร้าน (ไม่แน่ใจว่าใช่ชื่อร้านมั้ย? 555) จูโอเท ซะคุเซ็นเซย์เลยเรียกขำๆว่า "เหตุการณ์ความวุ่นวายที่จูโอเท"
2.ซะคุเซ็นเซย์กับอากุตะกะวะเซ็นเซย์ทะเลาะกัน
ซะคุเซ็นเซย์เคยไปพูดไว้ในงานรวมตัวนักเขียนงานนึงว่าเขาไม่คิดว่าอากุตะกะวะเป็นนักเขียนกลอน ซะคุเซ็นเซย์ตั้งใจพูดในงานที่อากุตะกะวะเซ็นเซย์น่าจะเข้าร่วม แต่อากุตะกะวะเซ็นเซย์ดันไม่มา แต่หลังจากนั้นอากุตะกะวะเซ็นเซย์ก็ได้ยินเรื่องนี้แล้วก็โกรธ เลยไปเคลียร์กัน อากุตะกะวะเซ็นเซย์บอกว่า "ผมมีความเป็นนักเขียนกลอน(ในที่นี้คืองานที่แสดงอารมณ์รุนแรงออกมา)มากเลยนะ ทั้งๆที่เราเหมือนกันขนาดนี้แท้ๆ แต่ทำไมฮากิวะระคุงไม่เข้าใจผมเลย" แต่ซะคุเซ็นเซย์ก็บอกว่า "เราไม่เห็นจะเหมือนกันเลย นิสัยเราอาจจะเหมือนกัน แต่งานของเราไม่เหมือนกัน" แล้วก็เถียงกันไปเถียงกันมาว่าเหมือนหรือไม่เหมือน 55 สุดท้ายอากุตะกะวะเซ็นเซย์ก็บอกว่า "ทั้งๆที่ผมเข้าใจคุณแท้ๆ แต่ทำไมคุณไม่เข้าใจผมเลย ไม่แม้แต่จะพยายามทำความเข้าใจด้วย" (แปลมาคร่าวๆจาก芥川龍之介の死 ที่ซะคุเซ็นเซย์เขียนค่ะ)
อ่านไปแล้วก็ อ๋ออ ในจดหมายนี่หมายถึงอย่างงี้นี่เอง ฮืออออออ อากุตะกะวะเซ็นเซยยยยยยย์
3.ไปกินปลาไหลด้วยกันสามคน
มีครั้งนึงตอนที่ไปกินปลาไหลด้วยกันสามคน อากุตะกะวะเซ็นเซย์พูดว่า ถ้าดูด้านนิสัยแล้ว ตัวเองสนิทกับซะคุเซ็นเซย์มากกว่าสนิทกับไซเซ็นเซย์อีก (อ้าว ซะงั้น ทั้งที่รู้จักกับไซเซ็นเซย์มาก่อนแท้ๆ 555) ไซเซ็นเซย์เลยโกรธแล้วบอกว่าเกลียดคนนกสองหัวอย่างอากุตะกะวะเซ็นเซย์ที่สุดเลย แล้วครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ซะคุเซ็นเซย์ได้เจออากุตะกะวะเซ็นเซย์ก่อนตาย
อืม อ่านแล้วรู้สึกว่าถ้าชวนไปกินปลาไหลด้วยกันสามคนอีกไซเซ็นเซย์คงไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ 5555
เท่าที่เราไปหามาก็มีประมาณนี้ค่ะ! เฮือกกกก รู้สึกใช้พลังงานไปเยอะมาก 555 ข้อมูลส่วนใหญ่เอามาจาก 芥川龍之介の死 ที่ซะคุเซ็นเซย์เขียนค่ะ อ่านไปก็รู้สึกว่าทำไมซะคุเซ็นเซย์ใจร้ายจัง 555 ฮือ แต่ก็ชอบนะ.... ในสายตาเรารู้สึกว่าสองคนนี้ตรงกันข้ามยังไงก็ไม่รู้ 555 รู้สึกว่าซะคุเซ็นเซย์เป็นคนที่ชอบบอกว่า เหงาๆ ชีวิตเศร้า แต่จริงๆคือเป็นคนที่ชีวิตดีมาก 555 ส่วนอากุตะกะวะเซ็นเซย์ดูเป็นคนที่เศร้าแต่แสดงความเศร้าของตัวเองออกมาไม่ค่อยเก่ง แต่เราก็อ่านงานเขาไปไม่เยอะเลยไม่ค่อยรู้เหมือนกันค่ะ 555 ไว้ว่างๆจะไปอ่านฮะกุรุมะนะ...
ฮือ คราวนี้ติ่งไปเต็มที่เลย เขียนไปยาวมาก แถมรู้สึกว่าอธิบายไม่ค่อยจะรู้เรื่องด้วย โฮ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ (จะมีมั้ย 555) ถ้ามีคนมากรี๊ดเกมนี้กับเราจะดีใจมากค่ะ 555 แล้วเจอกันใหม่นะคะ!
ปล. ใครสนใจต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นไปอ่านกันได้ที่นี่ค่ะ
http://yab.o.oo7.jp/sakutarou1.html
http://yab.o.oo7.jp/akukou.html
http://yab.o.oo7.jp/akutui.html
เราจะเริ่มคอมเมนต์จากตรงไหนดี ฮือ
ReplyDeleteความพ่อแง่แม่งอนของสองคนนี้มันอะไร 5555555
คุ้น ๆ ว่ามันต้องมีคิเน็นคังที่นึงทีเอาเรื่องสามคนนี้มาจักนิทรรศการแล้วเอาเรื่องย้ายบ้าน หรือเขวี้ยงเก้าอี้นี่มาโฆษณาขึ้นป้ายอะ ยิ่งใหญ่มาก 5555
ฮากุรุมะดูอ่านยาก ถ้าไปอ่านมาแล้วมาเล่าสรุปให้เราด้วย 5555
ยิ้มไวมาก 5555 ฮือ ฮะกุรุมะไว้รอตอนว่างแบบว่างงงงงอ่ะค่อยอ่าน 5555
Deleteอ่านแล้วก็ยังไม่เกิดอาการติ่ง อิอิ เสียใจด้วยนะพี่ส้ม แต่ทำรายงานเรื่องราโชมอนที่อะกุตะงะวะเขียนพอดีแล้วรก็พอรู้ว่าเขาฆ่าตัวตายเพราะมีทั้งปัญหาทางจิตและสุขถาพ มันทำให้เรารู้สึกว่า ทำไมคนเก่งๆชอบจบชีวิตตัวเองแบบนี้ตลอด เรามองว่าคนมีพรสวรรค์เขาก็มักจะแปลกแยกไม่เหมือนใครรึเปล่า แต่ยังไงการที่ได้มารู้เรื่องราวของเขามากขึ้นจากบล๊อคพี่ก็ทำให้มีมุมมองต่อเขาเปลี่ยนไปบ้างล่ะนะ ดูมีความปุถุชนสูงมากกก
ReplyDelete