Monday, February 27, 2017

【บุงอัล】ฮากิวะระ ซะคุทาโร่ กับ อากุตะกะวะ ริวโนะสึเกะ

     แฮ่ สวัสดีค่ะ วันนี้ไม่ได้โผล่มาอัพเรื่องเรียนแต่อย่างใด วันนี้เราโผล่มาติ่งค่า 55555 หลายคนเห็นหัวบล็อคแล้วคงแบบ ชื่อนักเขียนมาเต็มขนาดนี้ ต้องจริงจังมากแน่ๆ (ถึงจะไม่รู้จักซะคุทาโร่แต่น่าจะรู้จักอากุตะกะวะกันเนอะ 55)  แต่จะบอกว่า เรื่องของสองคนนี้ที่เราจะพูดถึงเป็นเรื่องที่มีที่มาจากเกมค่ะ 5555

     ก่อนอื่นก็คงต้องพูดถึงเกมกันก่อน (แต่จะขอพูดถึงแค่คร่าวๆละกันนะคะ 55 ) เกมที่เราจะพูดถึงก็คือ 文豪とアルケミスト หรือเรียกย่อๆว่าบุงอัลค่ะ ทุกคนอาจจะงงว่า อ้าว แล้วนักเขียนมาเกี่ยวอะไรกับเกม คือเกมนี้เป็นเกมที่เอานักเขียนในยุค近代มาเปลี่ยนเป็นคาแรคเตอร์ในเกมค่ะ เนื้อเรื่องของเกมนี้ก็คือเราจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุแล้วต้องเรียกวิญญาณของนักเขียนให้กลับมาเกิดใหม่เพื่อที่จะสู้กับปีศาจ(?) ที่จะมากัดกินหนังสือค่ะ


หน้าตาเกมจะเป็นประมาณนี้ค่ะ!

     ทีนี้ มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ 55 ที่เราเริ่มสนใจความสัมพันธ์ของ ฮากิวะระ ซะคุทาโร่ กับ อากุตะกะวะ ริวโนะสึเกะ ก็มีที่มามาจากเกมนี้ค่ะ คือตอนแรกเราไม่รู้เลยว่าสองคนนี้เขามีความเกี่ยวข้องกันด้วย จนไปเจอจดหมายในเกมฉบับนี้ 


"ผมได้ไปอ่านงานของอะกุตะกะวะคุงดีๆแล้วนะ ผมไม่ได้ทำความเข้าใจงานของอะกุตะกะวะคุงเลยจริงๆนั่นแหละ มาเข้าใจเอาหลังจากที่อะกุตะกะวะคุงตายไปแล้วเนี่ย ผมนี่งี่เง่าจริงๆเลย ไว้ไปกินปลาไหลด้วยกันสามคนกับไซอีกนะ"

     (ขออภัยในความง่อยของคำแปลค่ะ.../กราบ) ฮือ พอเห็นจดหมายฉบับนี้ก็เลยแบบ เอ๊ะๆ เขาเคยมีเรื่องอะไรกันเหรอ!? เราเลยลองไปหาประวัติของเขามาอ่านดูค่ะ พออ่านไปแล้วก็แบบ โฮฮฮฮฮ มันดีนะะะ ความสัมพันธ์ของสองคนนี้นี่ดีจังเลยยยยยย เลยจะเอามารวมไว้ในนี้ค่ะ (คือจะหาคนกรี๊ดด้วย 5555) เรื่องที่รวมไว้จะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงค่ะ แต่ผ่านการสรุปด้วยฟิลเตอร์แฟนเกิร์ล และมีการเอาตัวละคนในเกมไปซ้อนทับกับนักเขียนตัวจริง เพราะงั้นก็ใช้วิจารณญาณ(?)ในการอ่านนะคะ 555






ฮากิวะระ ซะคุทาโร่ กับ อากุตะกะวะ ริวโนะสึเกะ


     ถ้าจะพูดถึงความสัมพันธ์ของสองคนนี้ก็คงจะต้องพูดถึง มุโร่ ไซเซย์ ด้วยค่ะ เพราะงั้นโดยรวมเราเลยจะพูดถึงความสัมพันธ์ของสามคนนี้ แต่ว่าเน้นหนักไปที่ซะคุเซ็นเซย์กับอากุตะกะวะค่ะ


ทั้งสามคนจากเกมบุงอัลค่ะ! (ความสามารถในการวาดรูปเราทำได้แค่นี่แหละ....ฮือ 5555) ไซเซ็นเซย์ออกมาหน้าเหมือนคะไตเลย ขอโทษค่ะ...

     สามคนนี้มีจุดร่วมกันตรงที่บ้านอยู่ใกล้กันค่ะ สามคนนี้เคยอยู่แถวๆทะบะตะด้วยกันอยู่ช่วงนึง ตอนแรกไซเซ็ยเซย์กับอากุตะกะวะเซ็นเซย์อยู่แถวนั้นก่อนแล้วซะคุเซ็นเซย์ย้ายตามมาเพราะอยากอยู่ใกล้ๆไซเซ็นเซย์ 555 ความสัมพันธ์ของทั้งสามคนจะเป็นประมาณนี้ค่ะ


     แนะนำคร่าวๆก่อนว่า ไซเซ็นเซย์กับซะคุเซ็นเซย์เป็นนักเขียนกลอนค่ะ ส่วนอากุตะกะวะก็เป็นนักเขีนยนิยาย (น่าจะรู้จักกันอยู่แล้วเนอะ 55) อากุตะกะวะเซ็นเซย์มีเขียนไฮกุออกมาบ้างนิดหน่อย ส่วนไซเซ็นเซย์หลังๆเริ่มหันมาเขียนนิยายแทนเขียนกลอนค่ะ (สงสัยเพราะเขียนกลอนได้เงินน้อย 55)

     ซะคุเซ็นเซย์กับไซเซ็นเซย์สนิทกันมากกกกค่ะ (ก็ถึงขนาดย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ๆ 555) ในงานเขียนของไซเซ็นเซย์มีเขียนไว้ว่าเขากับซะคุเซ็นเซย์เป็น 二魂一体 กัน ประมาณว่าถึงเป็นคนละคนแต่ก็เหมือนเป็นคนเดียวกันค่ะ ส่วนซะคุเซ็นเซย์ก็เคยเขียนในจดหมายว่าไซเป็นเหมือนพี่น้องของตัวเองค่ะ ซะคุเซ็นเซย์รู้จักกับอากุตะกะวะเซ็นเซย์ผ่านการแนะนำของไซเซ็นเซย์แล้วก็สนิทกันในช่วยสองสามปีก่อนที่อากุตะกะวะเซ็นเซย์จะฆ่าตัวตายค่ะ ไปอ่านเจอมาว่าวันที่อากุตะกะวะเซ็นเซย์จะฆ่าตัวตายเขาไปหาไซเซ็นเซย์ที่บ้านแต่ว่าไซเซ็นเซย์ไม่อยู่ พอไซเซ็นเซย์รู้เรื่องเลยเสียใจมากว่า ถ้าได้เจอกันก่อนอาจจะช่วยรับฟังเรื่องของอากุตะกะวะเซ็นเซย์แล้วช่วยพูดให้เขาไม่ฆ่าตัวตายได้ (ฮืออออ)


ซะคุทาโร่ ← อากุตะกะวะ



-ชอบกลอนซะคุเซ็นเซย์มาก ชื่นชม
เคยนอนอ่านหนังสือรวมผลงานอยู่ตอนเช้า อ่านไปเจอกลอนของซะคุเซ็นเซย์แล้วชอบมากขนาดที่วิ่งไปหาซะคุเซ็นเซย์ที่บ้านแล้วบุกไปถึงห้องนอนโดยที่ตัวเองยังใส่ชุดนอนอยู่

-เคยพูดไว้ว่าตัวเองกับซะคุเซ็นเซย์เป็นนักเขียนกลอน(詩人)ที่เหมือนกันมาก 

-ตอนที่ได้ยินว่าซะคุเซ็นเซย์จะย้ายมาอยู่ที่ทะบะตะ อากุตะกะวะเซ็นเซย์ดีใจมาก ถึงขนาดเขียนจดหมายไปเล่าให้เพื่อน (ซาโต้ ฮารุโอะ) ฟัง 555

-พอซะคุเซ็นเซย์ย้ายมา ไซเซ็นเซย์ก็บอกว่าไว้จะพาซะคุเซ็นเซย์มาทักทาย แต่ก็ไม่มาสักที อะกุตะกะวะเซ็นเซย์เลยไปหาซะคุเซ็นเซย์ที่บ้านเอง 555

-ไม่ว่าซะคุเซ็นเซย์จะเอาแต่ใจยังไงก็ไม่ค่อยโกรธ (อันนี้ไปเจอมาในบทความที่ซะคุเซ็นเซย์เขียนตอนอากุตะกะวะเซ็นเซย์ตายค่ะ สงสัยเหมือนกันว่าซะคุเซ็นเซย์ไปเอาแต่ใจอะไรไว้ 555 แถมซะคุเซ็นเซย์ยังเขียนไว้ว่า อากุตะกะวะไม่โกรธจนบางทีเขาก็หงุดหงิดว่าโกรธบ้างก็ได้นะ 555)

ซะคุทาโร่ → อากุตะกะวะ




-ตอนแรกแอบรู้สึกต่อต้าน เพราะรู้สึกว่าอากุตะกะวะเป็นคนที่มองความคิดคนอื่นออกแล้วพยายามปรับตัวให้เข้ากับอีกฝ่ายเกินไปจนซะคุเซ็นเซย์บอกว่ารู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า ทั้งๆที่ตัวเองอายุมากกว่าแท้ๆ

-ไม่ชอบงานของอากุตะกะวะ (จริงๆคือไม่ชอบนิยาย) แต่บอกว่าชอบนิยายเรื่องหลังๆอย่างเช่น กัปปะ

-บอกว่าไม่ชอบงานของอากุตะกะวะเพราะเหมือนดูด้วยมุมมองของบุคคลที่สามมากไป ไม่ค่อยมีอารมณ์ของตัวเองในงานเท่าไหร่ เป็นงานแบบที่ตรงข้ามกับงานของตัวเอง (ถึงขนาดเคยเขียนไว้ว่า ถ้าในด้านมุมมองเกี่ยวกับงานเขียน เขากับอากุตะกะวะถือเป็นฝั่งตรงข้ามกัน เป็นศัตรูกัน)

-ไม่ยอมรับอากุตะกะวะในฐานะนักเขียนกลอน(詩人)ซะคุเซ็นเซย์เคยเขียนไว้ว่าอากุตะกะวะเป็นนักวิจารณ์กลอนที่ดี อ่านแล้วรู้ว่ากลอนไหนดีไม่ดี ให้คำวิจารณ์ได้ตรงจุด แต่ยังไงๆก็ไม่ใช่นักเขียนกลอน (กลอนในความหมายของซะคุเซ็นเซย์คืออะไรที่แสดงอารมณ์อันรุนแรงของคนเขียนออกมา อากุตะกะวะที่เขียนงานที่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ของตัวเองออกมาเลยไม่ใช่นักเขียนกลอน)

-ทั้งๆที่ไม่ยอมรับมาตลอด แต่พออากุตะกะวะตายถึงได้มานั่งย้อนอ่านนิยายของอากุตะกะวะอีกรอบแล้วถึงเจอความ "รู้สึกอันรุนแรง" ที่อยู่ในนั้น ถึงได้ยอมรับงานของอากุตะกะวะ

-เหมือนว่าจะเคยเขียนไว้ว่าอากุตะกะวะเป็นชู้รัก(愛人)ของตัวเองด้วย 555 (แต่ก็เหมือนจะเคยเขียนถึงไซเซ็นเซย์แบบนี้เหมือนกัน 55555 ) แต่อันนี้เรายังหาที่มาไม่เจอค่ะ ใครรู้ช่วยบอกเราที 55



โมเม้นของสามคนนี้ 

1.ความวุ่นวายที่จูโอเท

     มีครั้งนึงที่ซะคุเซ็นเซย์ไปงานเลี้ยงแล้วต้องขึ้นไปพูด พอพูดแล้วมีคนไม่พอใจจนกลายเป็นเรื่องทะเลาะกันในงาน ตอนนั้นไซเซ็นเซย์พยายามจะช่วยซะคุเซ็นเซย์เลยหยิบเก้าอี้มาเหวี่ยงๆเป็นอาวุท พออากุตะกะวะที่ไม่ได้ไปงานได้ยินเรื่องนี้ก็ส่งจดหมายมาหาไซเซ็นเซย์ประมาณว่า ทำดีมากเพื่อนรัก เหวี่ยงอีกๆ 5555 งานนี้ถูกจัดขึ้นที่ร้าน (ไม่แน่ใจว่าใช่ชื่อร้านมั้ย? 555) จูโอเท ซะคุเซ็นเซย์เลยเรียกขำๆว่า "เหตุการณ์ความวุ่นวายที่จูโอเท"

2.ซะคุเซ็นเซย์กับอากุตะกะวะเซ็นเซย์ทะเลาะกัน

     ซะคุเซ็นเซย์เคยไปพูดไว้ในงานรวมตัวนักเขียนงานนึงว่าเขาไม่คิดว่าอากุตะกะวะเป็นนักเขียนกลอน ซะคุเซ็นเซย์ตั้งใจพูดในงานที่อากุตะกะวะเซ็นเซย์น่าจะเข้าร่วม แต่อากุตะกะวะเซ็นเซย์ดันไม่มา แต่หลังจากนั้นอากุตะกะวะเซ็นเซย์ก็ได้ยินเรื่องนี้แล้วก็โกรธ เลยไปเคลียร์กัน อากุตะกะวะเซ็นเซย์บอกว่า "ผมมีความเป็นนักเขียนกลอน(ในที่นี้คืองานที่แสดงอารมณ์รุนแรงออกมา)มากเลยนะ ทั้งๆที่เราเหมือนกันขนาดนี้แท้ๆ แต่ทำไมฮากิวะระคุงไม่เข้าใจผมเลย" แต่ซะคุเซ็นเซย์ก็บอกว่า "เราไม่เห็นจะเหมือนกันเลย นิสัยเราอาจจะเหมือนกัน แต่งานของเราไม่เหมือนกัน" แล้วก็เถียงกันไปเถียงกันมาว่าเหมือนหรือไม่เหมือน 55 สุดท้ายอากุตะกะวะเซ็นเซย์ก็บอกว่า "ทั้งๆที่ผมเข้าใจคุณแท้ๆ แต่ทำไมคุณไม่เข้าใจผมเลย ไม่แม้แต่จะพยายามทำความเข้าใจด้วย" (แปลมาคร่าวๆจาก芥川龍之介の死 ที่ซะคุเซ็นเซย์เขียนค่ะ)

อ่านไปแล้วก็ อ๋ออ ในจดหมายนี่หมายถึงอย่างงี้นี่เอง ฮืออออออ อากุตะกะวะเซ็นเซยยยยยยย์

3.ไปกินปลาไหลด้วยกันสามคน

     มีครั้งนึงตอนที่ไปกินปลาไหลด้วยกันสามคน อากุตะกะวะเซ็นเซย์พูดว่า ถ้าดูด้านนิสัยแล้ว ตัวเองสนิทกับซะคุเซ็นเซย์มากกว่าสนิทกับไซเซ็นเซย์อีก (อ้าว ซะงั้น ทั้งที่รู้จักกับไซเซ็นเซย์มาก่อนแท้ๆ 555) ไซเซ็นเซย์เลยโกรธแล้วบอกว่าเกลียดคนนกสองหัวอย่างอากุตะกะวะเซ็นเซย์ที่สุดเลย แล้วครั้งนั้นเป็นครั้งสุดท้ายที่ซะคุเซ็นเซย์ได้เจออากุตะกะวะเซ็นเซย์ก่อนตาย

อืม อ่านแล้วรู้สึกว่าถ้าชวนไปกินปลาไหลด้วยกันสามคนอีกไซเซ็นเซย์คงไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่ 5555






     เท่าที่เราไปหามาก็มีประมาณนี้ค่ะ! เฮือกกกก รู้สึกใช้พลังงานไปเยอะมาก 555 ข้อมูลส่วนใหญ่เอามาจาก 芥川龍之介の死 ที่ซะคุเซ็นเซย์เขียนค่ะ อ่านไปก็รู้สึกว่าทำไมซะคุเซ็นเซย์ใจร้ายจัง 555 ฮือ แต่ก็ชอบนะ.... ในสายตาเรารู้สึกว่าสองคนนี้ตรงกันข้ามยังไงก็ไม่รู้ 555 รู้สึกว่าซะคุเซ็นเซย์เป็นคนที่ชอบบอกว่า เหงาๆ ชีวิตเศร้า แต่จริงๆคือเป็นคนที่ชีวิตดีมาก 555 ส่วนอากุตะกะวะเซ็นเซย์ดูเป็นคนที่เศร้าแต่แสดงความเศร้าของตัวเองออกมาไม่ค่อยเก่ง แต่เราก็อ่านงานเขาไปไม่เยอะเลยไม่ค่อยรู้เหมือนกันค่ะ 555 ไว้ว่างๆจะไปอ่านฮะกุรุมะนะ...

     ฮือ คราวนี้ติ่งไปเต็มที่เลย เขียนไปยาวมาก แถมรู้สึกว่าอธิบายไม่ค่อยจะรู้เรื่องด้วย โฮ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ (จะมีมั้ย 555) ถ้ามีคนมากรี๊ดเกมนี้กับเราจะดีใจมากค่ะ 555 แล้วเจอกันใหม่นะคะ!

ปล. ใครสนใจต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นไปอ่านกันได้ที่นี่ค่ะ
        http://yab.o.oo7.jp/sakutarou1.html
        http://yab.o.oo7.jp/akukou.html
        http://yab.o.oo7.jp/akutui.html


          


Saturday, February 25, 2017

ทำพาวเวอร์พอยท์ยังไงให้ดูง่าย??

     เย่ สวัสดีค่ะ หลังจากที่ไม่ได้อัพมานาน วันนี้เราจะมาเขียนเรื่อง ทำพาวเวอร์พอยท์ยังไงให้ดูง่ายค่ะ ข้อมูลที่เอามาเขียนเราจะเอามาจากหนังสือ 一生使える見やすい資料のデザイン入門 ค่ะ

     เนื้อหาที่เราอ่านจะเป็นส่วนของบท 3-บท 4 ค่ะ บท 3 เขาจะพูดถึงการใช้สไลด์มาสเตอร์ค่ะ (คนที่เรียนวิชา basic concept of computer แล้วก็น่าจะเคยเรียนกันมาแล้วเนอะ 55 ) แล้วเขาก็บอกว่า ควรเลือขนาดสไลด์เป็น 4:3 เพราะเครื่องฉายที่ไม่รองรับ 16:9 ยังมีอยู่เยอะ แล้วก็ไม่ควรใช้เท็มเพลทที่มีมาให้กับพาวเวอร์พอยท์ เพราะมันใส่อะไรตกแต่งมาเยอะเกินไป ทำให้ดึงสายตาคนออกจากเนื้อหาค่ะ (บริทัษไมโครซอฟคงกำลังร้องไห้ 555)

     ส่วนบทที่ 4 เขาพูดถึงเรื่อง ทำยังไงให้พาวเวอร์พอยท์ดูดีค่ะ แต่คืออ่านๆไปแล้วก็มีบางที่ที่เราไม่ค่อยเห็นด้วยกับคนเขียน 555 ในนี้เราเลยจะขอเขียนแบ่งเป็นข้อที่เราอ่านแล้วรู้สึกชอบกับไม่ชอบนะคะ

ข้อที่ชอบ

1.อะไรที่อธิบายด้วยรูปได้ให้อธิบายด้วยรูปแทน

     เขาบอกว่าอะไรที่เป็นโฟลว์หรือพวกขั้นตอนที่อธิบายด้วยรูปใด้ให้ใช้รูปแทนการเขียนประโยคยาวๆค่ะ หรืออย่างอะไรที่เป็นการโควตคำพูดก็ให้ใส่กรอบคำพูด การใช้สัญลักษณ์อย่างลูกศร กรอบคำพูด หรือกรอบสี่เหลี่ยมแทนจะทำให้ดูเข้าใจง่ายมากกว่าค่ะ (อย่างที่เราพิมพ์อยู่ตอนนี้ก็ควรจะเอาตัวอย่างเป็นรูปมาใส่แทน.....แต่เรารู้สึกว่าไม่ควรเอารูปจากหนังสือเขามาแปะเลยขอเขียนเป็นประโยคแทนละกันค่ะ)


     อืม...จริงๆส่วนที่เราอ่านแล้วชอบก็มีหลายข้อนะ แต่สรุปออกมาแล้วก็คือข้อ 1  อะไรที่อธิบายด้วยรูปได้ให้อธิบายด้วยรูปแทน หมดเลย...555 เลยไม่รู้จะเขียนอะไรไปมากกว่านั้น ฮือ 55




ข้อที่ไม่ชอบ

1.หน้าปก......


     อันนี้ไม่ค่อยเกี่ยวกับเนื้อหาเท่าไหร่ แต่คือ...เราอาจจะโง่เองรึเปล่า แต่เราดูแล้วงงว่าตกลงหนังสือมันชื่อเรื่องว่าอะไร....5555 คือถ้าอ่านแบบปรกติก็ต้องนึกว่ามันชื่อ 見やすい資料の一生使えるデザイン入門 รึเปล่า? 555 แต่พออ่านแล้วก็รู้สึกว่าตำแหน่งที่ขยายมันแปลกๆรึเปล่านะ? เลยไปหาชื่อหนังสือดูถึงได้รู้ว่ามันชื่อ  一生使える見やすい資料のデザイン入門 ค่ะ 5555 นี่ถือเป็นตัวอย่างการออกแบบที่ไม่ดีได้รึเปล่านะ? 55

2. ใส่รูปให้เต็มหน้า ไม่ต้องเว้นขอบ

     ในเล่มนี้เขาบอกว่า ถ้าเป็นรูปแนวตั้งก็ให้ใส่รูปให้ติดขอบบนล่างไปเลย ส่วนรูปแนวนอนก็ใส่ให้เต็มแผ่น แล้วค่อยใส่กรอบตัวหนังสือทับรูปไปเลย ซึ่ง...เราไม่ชอบง่ะ...คือมันอาจจะดูง่าย....มั้ง? แต่เราว่ามันดูอึดอัด ดูแล้วไม่ค่อยสบายตาเท่าไหร่ค่ะ...ยิ่งอันที่บอกว่าให้ใส่รูแนวนอนให้เต็มแผ่นพาวเวอร์พ้อยท์ เขาบอกว่าทำแบบนี้แล้วดูมีสไตล์ ฮือ แต่เราไม่ชอบอ่า ถ้าความดูง่ายก็เรื่องนึง แต่ถ้าเรื่องความสวยงามมันคงแล้วแต่รสนิยมของแต่ละคนเนอะ 55

     อืม พออ่านบท 4 แล้ว ถ้าบอกว่าเป็นการทำให้อ่านง่ายก็เข้าใจได้ แต่พอเขาขึ้นหัวบทว่า ทำให้ดูดี เลยอาจจะทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยยอมรับนิดหน่อย 5555 คือรู้สึกว่าแบบที่เขาบอกว่าไม่ถูกมันสวยกว่าง่ะ...




    เท่าที่อ่านไปสองบทรู้สึกไม่ค่อยถูกใจหนังสือเล่มนี้เท่าไหร่ แหะๆ แต่ถ้าใครสนใจก็ลองไปหาอ่านดูได้นะคะ วันนี้อาจจะมาสั้นๆไปหน่อย แต่ก็ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ!





Sunday, February 5, 2017

魅力的な自己紹介! - My New Me -

     สวัสดีค่ะ สังเกตมั้ยคะว่าวันนี้ title ของบล็อคไม่เหมือนเดิม...ใช่แล้ว คำว่า タスクมันหายไปแล้วค่ะ 555 (จริงๆก็ไม่ได้ใส่ตั้งแต่ครั้งก่อนหน้านี่แล้วล่ะ 555) ที่เอาออกเพราะเรางงมากว่าสรุปนี่เราทำタスクไหนอยู่ หรือจริงๆタスクมันไม่ได้แบ่งตามจำนวนครั้งที่เขียนบล็อค? หรือจำนวนครั้งที่เขียนบล็อคของเรามันแปลกเอง??? ฮือ สรุปเลยคิดว่าเลิกดีกว่า 555

     สารภาพว่า ตอนนี้เราไปไล่อ่านบล็อคคนอื่นแล้วงงมากค่ะ....สรุปคือเอ็นทรี่คราวที่แล้วที่เราเขียนไปนี่มันคืออะไร ทำไมไม่เห็นมีใครเขียนแบบเราเลย 5555555 เราเข้าใจว่าการบ้านคือให้เขียนแนะนำตัวแบบตัวอย่างของคนที่เขียนสมัครงาน....แต่คนอื่นดูไม่ได้เข้าใจแบบนั้น ฮือ 555 แล้วเราดูในสไลด์หน้าการบ้านมีเขียนว่าให้คิดว่า 魅力的な自己紹介 คืออะไร แล้วก็ให้เขียนความเห็นกับสรุป ในบล็อคที่แล้ว แต่กลายเป็นว่าต้องสรุปในคราวนี้...? (ก็อปแปะได้มั้ย ฮือ 555) งงไปอีก ฮือ /เอาหัวโขกคอม...





     ฮือ หลังจากบ่นมายาว เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ 555 นี่จะเป็นการเขียนเกี่ยวกันการแนะนำตัวครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ (สุดท้ายแล้วจริงๆ เอ็นทรี่ที่แล้วนี่สุดท้ายหลอกๆ 55) หลังจากที่ไปดูคนอื่นๆแนะนำตัว แล้วก็มาวิเคราะห์ว่าการแนะนำตัวที่ดีเป็นยังไง ในคาบที่แล้วเราก็ได้มาแนะนำตัวกันอีกรอบค่ะ


อันนี้คือที่แกะเทปมาจากที่พูดในคาบค่ะ


 こんにちは。ウィタラニーと申します。えっと、本名はちょっと長いかもしれませんが、ニックネームはソムです。ソムは日本語でみかんという意味です。まあ、どうぞよろしくお願いします。あ、まだ終わってない。えっと、なんだろう。

 えっと、私は漫画がとても好きなので、えーと、留学生してたときは、えっと、漫画の中のオノマトペについて研究していました。オノマトペは、こう、バンとかザーとか音を表す言葉ですね。えーと、今はまっている、まあ、今っていうより、前からはまっているものはハイキューっいいうバレーボールの漫画です。えっと、この漫画も研究の材料として使っていました。

 えーと、疲れるときは、家で漫画を読んでゆっくりすることが好きです。まあ、えっと、ストレスが溜まっているときは、外に遊びに行く人も多いかもしれませんが、私にとっては家でゆっくりするのが一番好きです。あんまり人に会うのは、えっと、逆に、ストレスになるので家でゆっくりするのが好きです。まあ、えーと、ちょっとコミュニケーションが苦手な私なんですけど、どうぞよろしくお願いします。


     ค่ะ.........ยาวม๊ากกกก 555555 แล้วก็ลนมาก 555 えっとเยอะแบบ จะเยอะไปไหน ฮือ 5555 นี่พยายามแบ่งย่อหย้าให้อ่านง่ายขึ้นหน่อยนึง พูดผิดเยอะมาก แกะเทปไปนี่อยากจะด่าตัวเองไป เอาเป็นว่าพวกผิดแกรมม่า ใช้คำแปลกๆ フィラー เยอะเกินอะไรแบบนี้เราจะไม่มานั่งแก้ละกัน เราจะขอพูดถึงเนื้อหาแทนละกันค่ะ


จุดที่เราพยายามระวังในการแนะนำตัวรอบนี้คือ

1.พูดชื่อตัวเองหลายๆครั้งในอีกฝ่ายจำได้

     จากเอ็นทรี่ที่แล้วที่เคยเขียนไปว่า มีอาจารย์เสนอว่า ควรจะพูดชื่อหลายๆครั้งเพราะชื่อคนไทยจำยาก เราเลยยองใส่ใจในจุดนั้นมากขึ้นค่ะ แต่สุดท้ายก็พูดไปแค่สองรอบเอง....ถือว่าล้มเหลวมั้ยเนี่ย ฮือ 555 แต่ก็พยายามใส่ความหมายของชื่อไปด้วย จะได้ดูมีเนื้อหาให้เกี่ยวโยงจะได้จำได้ มาคิดตอนนี้น่าจะบอกด้วยว่าทำไมถึงชื่อนี้ ฮือ พลาดละ ไว้คราวหน้าจะพยายามใหม่นะคะ...

2.พยายามให้เนื้อหาเป็นความเป็นเอกภาพ

     จากที่เขียนไปเอ็นทรี่ที่แล้วอีกเหมือนกัน 555 ถ้าแนะนำตัวแล้วทั้งเรื่องเป็นหัวข้อๆเดียวจะทำให้คนฟังจำเราง่ายขึ้น เพราะงั้นเราเลยจะพยายามเน้นไปที่ว่าเราชอบการ์ตูน หัวข้อที่บังให้พูดคราวนี้เหมือนคราวแรก คือ มีเรื่องที่เราศึกษาอยู่ แล้วก็วิธีคลายเครียดด้วย เราเลยพยายามลากให้ทั้งสองเรื่องนี้มาเกี่ยวกับการ์ตูนให้ได้ทั้งคู่ เลยพูดไปประมาณว่า ชอบการณตูนเลยวิจัยเรื่อง オノマトペ แล้วก็เวลาเครียดๆชอบนอนอ่านการ์ตูนอยู่บ้าน แต่หลังๆพูดเรื่องชอบอยู่คนเดียวเยอะไปหน่อย เลยรู้สึกว่าตรงนั้นทำให้ความเป็นเอกภาพมันเสียไปนิดหน่อย...

3.พยายามเชื่อมโยงกับคนที่พูดก่อนหน้าเรา

     อันนี้เป็นข้อที่เราตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่ตอนที่เขียนแก้ครั้งแรกแล้วว่าถ้ามีพูดครั้งหน้าเราจะลองทำดูค่ะ แต่คราวนี้คนข้างหน้าดันพูดมาแบบไม่รู้จะโยงยังไงเลย ก็เลยเปลี่ยนเป็นโยงกับคนฟังทุกคนแทนค่ะ ตรงวิธีคลายเครียดเราเขียนไปว่า ชอบนอนอ่านการ์ตูนอยู่บ้าน แล้วก็พูดต่อไปว่า อาจจะมีหลายๆคนที่ชอบออกไปเที่ยวข้างนอกมากกว่า แต่สำหรับเราแล้วออกไปเจอคนแล้วจะเครียดกว่าเดิม 555 รู้สึกว่าอย่างน้อยๆคนที่ชอบออกไปเที่ยวข้างนอกมากกว่าก็คงมีความรู้สึกเหมือนโดนพาดพิงขึ้นมาหน่อยนึง อาจจะทำให้เขาสนใจฟังเราขึ้นมาบ้าง 555


จากนี้ไปจะเป็นข้อผิดพลาดทางด้านเนื้อหาของเราค่ะ 555

  • อย่างแรกเลย เราพูดว่า ตอนไปเรียนแลกเปลี่ยน เราทำวิจัยเรื่อง オノマトペ แต่เราไม่ได้พูดมาก่อนหน้าเลยว่าเราไปแลกเปลี่ยนมา 55555 ฮือ ถ้าเราเป็นคนฟังคงงงๆอยู่...
  • อีกอย่างคือ คิดว่าบางทีเราอาจจะไม่จำเป็นต้องพูดชื่อจริงรึเปล่า ยิ่งชื่อจริงคนไทยยาวๆอยู่ คนญี่ปุ่นฟังแล้วคงงง อาจจะทำให้จำยากขึ้นรึเปล่า 55 



     อืม พอมานั่งดูแล้วก็คิดว่า นี่เราพัฒนาขึ้นบ้างมั้ยเนี่ย 5555 อยากรู้ว่าพัฒนามั้ยก็ต้องลองมาเทียบกันดู 555 นี่เป็นของครั้งแรกค่ะ


 はじめまして。ソムです。オノマトペについて研究しています。ストレス解消に漫画を読んだり歌ったりしています。よろしくお願いします。


     โอเค.......สั้นม๊ากกกกก 5555 ถ้าเทียบกับอันนี้ ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องพัฒนาขึ้นแหละ คือเริ่มตั้งซะติดลบขนาดนี้ 5555





     สำหรับหัวข้อ คิดว่าการแนะนำตัวที่ดีเป็นยังไง เราขอไม่เขียนซ้ำละกันค่ะ ไปดูได้จากเอ็นทรี่ที่แล้วนะคะ คราวนี้เราว่าจะมาเขียนว่า เราได้อะไรจากการฝึกแนะนำตัวครั้งนี้แทนค่ะ

1.พยายามทำให้คนอื่นจำเราได้

     เมื่อก่อนเราคิดว่าการแนะนำตัวคือการพยายามจะถ่ายทอดความเป็นตัวเราออกไปให้ได้มากที่สุดค่ะ แต่พอได้มาฟังความเห็นของแต่ละคนแล้วถึงได้รู้ว่า เออ คนฟังอาจจะไม่ได้อยากได้ข้อมูลขนาดนั้น เอาข้อมูลน้อยๆให้จำง่ายๆอาจจะดีกว่ารึเปล่า พอมาลองนึกดูเวลาเราฟังเราเองก็จำข้อมูลเยอะไม่ได้เหมือนกันค่ะ 555

2.ได้รู้ว่าชื่อเป็นเรื่องสำคัญ

     แต่ก่อนเวลาแนะนำตัวเราไม่ค่อยใส่ใจกับชื่อเลยค่ะ ได่ตอนที่ดูคนญี่ปุ่นแยะยำตัว มีความเห็นจากเพื่อนคนนึงบอกว่า ชอบการแนะนำของคนนี้ เพราะเขาพูดชื่อชัดเจน ฟังง่าย เราเลยรู้สึกว่า เออ ชื่อนี่มันสำคัญขนาดนี้เลยนะ แล้วพอคาบต่อมา อาจารย์ก็มีความเห็นว่า พูดชื่อหลายๆครั้ง หรือพยายามเล่นอะไรกับชื่อจะทำให้คนฟังจำได้มากกว่า จริงๆเรารู้สึกว่า แนะนำตัวครั้งแรก จำชื่อไม่ได้ก็ไม่เป็นไรหรอก อาจจะเพราะเราขี้ลืมเอง เลยไม่เคยจำชื่อใครได้ในครั้งแรกเลย 555  แต่ดูเหมือนว่าคนจะไม่เป็นแบบนั้นสินะ 555

     สรุปภาพรวมแล้วก็ประมาณนี้ค่ะ! ครั้งนี้เป็นหัวข้อการแนะนำตัวครั้งสุดท้ายแล้ว (สุดท้ายแล้วจริงๆ หวังว่า....5555) ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ!



Thursday, February 2, 2017

แนะนำเว็บไซด์ Lang-8

สวัสดีค่า วันนี้อยากจะมาแนะนำเว็บไซด์ Lang-8 ที่ได้พูดถึงไปในคราวที่แล้วค่ะ




     เว็บนี้เป็นเว็บที่มีไว้สำหรับผู้เรียนภาษาต่างประเทศค่ะ คือเว็บนี้จะให้เราเลือกภาษาที่เราเรียนอยู่กับภาษาแม่ของเราตอนสมัคร พอสมัครไปแล้ว เราจะสามารถนำข้อความที่เราเขียนในภาษาที่เราศึกษาอยู่ไปโพสให้สมาชิกที่เป็นเจ้าของภาษาเช็คได้ค่ะ เหมือนอย่างที่เราใช้ไปคราวที่แล้ว 555

     นอกจากจะให้คนอื่นมาแก้ให้เราแล้ว เรายังไปแก้ให้คนอื่นได้ด้วยค่ะ พอเราเลือกภาษาแม่ตอนสมัครไปแล้ว เว็มมันจะขึ้นโพสของคนที่เรียนภาษาของเราอยู่บนหน้าแรกของเราให้เราเข้าไปแก้ค่ะ อย่างของเราเป็นภาษาไทย ก็จะมีโพสของคนที่เรียนภาษาไทยอยู่ขึ้นมาให้แก้ค่ะ

(ไม่รู้ว่าควรจะต้องเซ็นเซอร์ชื่อยูสเซอร์มั้ย แต่คิดว่าไม่เป็นไร...? ถ้าต้องเซ็นเซอร์ช่วยบอกเราทีนะคะ)

     ระบบของเว็บนี้คือพอเราไปแก้ให้คนอื่นเราก็จะได้แต้มค่ะ มีบางโพสได้แต้มพิเศษด้วย แต่เราก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไม 555 แล้วพอสะสมแต้มไปเรื่อยๆเราก็จะได้เลื่อนขั้น แล้วพอขั้งสูงๆ โพสของเราก็จะมาอยู่บนๆ ทำให้มีคนเข้ามาแก้ให้มากขึ้นค่ะ  (ซึ่งตอนนี้เราก็ยังเวเวลแรกอยู่ 555)



เรื่องระบบของเว็บก็มีประมาณนี้ค่ะ ต่อไปจะเป็น感想ของเราค่ะ 555



     ตอนแรกเราคิดว่าคนที่ไม่ค่อยเป็นที่สนใจอย่างเราคงจะไม่มีคนมาแก้ให้แน่ๆ หรืออาจจะแบบ ต้องรอสักอาทิตย์นึงอะไรประมาณนั้น 555 แต่พอลงไปแล้วมีคนมาแก้ให้เร็วมากเลยค่ะ อันที่เราลงไปในบล็อคคราวที่แล้วมีคนมาแก้ให้สามคนภายในหนึ่งวันค่ะ ฮือ ปลาบปลื้มมาก 555 
     
     พอลองใช้เว็บนี้แล้วรู้สึกค้นพบทางสว่างมากค่ะ 555 คือปรกติเวลามีอะไรไม่แน่ในเรื่องภาษาญี่ปุ่นที่หาคำตอบเองค่อนข้างยาก คนรอบๆตัวก็จะถามเพื่อนคนญี่ปุ่นกัน ซึ่งเราก็ไม่ได้มีเพื่อนคนญี่ปุ่นที่สนิทขนาดนั้นเลยแอบรู้สึกลำบากอยู่เล็กๆค่ะ (บางทีก็รู้สึกแบบ ช่างมันแล้ว ปล่อยให้ตัวเองไม่รู้ไปก็ได้ 5555) แต่พอเจอเว็บนี้แล้วรู้สึกแบบ รอดแล้ว 5555 แต่เราก็ยังไม่เคยโพสอะไรที่เป็นคำถามไป ไม่รู้จะมีคนมาตอบรึเปล่า ไว้วันหลังจะไปลองดูค่ะ (`・ω・´) 

     แต่จากคราวที่แล้วที่เราลองใช้ดูเราก็คนพบว่า คนญี่ปุ่นที่มาแก้ให้ก็มีความเข้มงวดหลายระดับค่ะ 555 บางคนก็ไม่ค่อยแก้เรื่องคำช่วยให้ แต่บางคนคือแก้ให้เกือบทุกที่ 555 ซึ่งตอนเราไปแก้ให้คนอื่น เราก็ไม่รู้ว่าต้องแก้ขนาดไหนเหมือนกัน อย่างบางที่มันดูแข็งๆ แต่ถ้าความหมายมันถูกแล้ว บางทีเราก็ไม่แก้ค่ะ 55 แล้วก็เวลามีคนแก้มาหลายๆแบบเราจะแอบงงว่าควรจะแก้เป็นแบบไหนดี สุดท้ายก็ต้องมานั่งทวนแกรมม่ากับความหมายว่าต้องใช้แบบไหนถึงจะตรงกับที่เราอยากพูดที่สุด เหมือนได้ทวนแกรมม่าไปในตัวด้วยเลยค่ะ 55 

     อีกอย่างนึงที่เรารู้สึกหลังจากใช้เว็บนี้คือ มีคนสนใจภาษาไทยเยอะกว่าที่คิดค่ะ 55 ตอนแรกนึกว่าภาษาไทยมันจะมีใครโพสถามมาเหรอ ปรากฏว่ามีพอสมควรเหมือนกันค่ะ พอเห็นคนต่างชาติสนใจภาษาไทยแล้วก็แอบรู้สึกดีใจเล็กๆ 55 เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเราเข้าไปแก้ให้คนญี่ปุ่นที่เรียนภาษาไทยอยู่คนนึง แล้วเขาเลยกลับมาแก้ของเราไห้ด้วยค่ะ /ดีใจ แอบคิดอยู่ในใจว่า จากนี้ไปก็ฝากตัวด้วยนะคะ คงจะโพสถามอะไรอีกเยอะ ช่วยมาตอบเราที 555

     สรุปโดยรวมแล้วชอบเว็บนี้มากเลยค่ะ รู้สึกว่ามีประโชยน์มาก สำหรับคนที่พึ่งเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่น ใช้แล้วอาจจะยังงงที่เขาแก้มาให้ แต่ถ้ารู้ภาษาญี่ปุ่นพอสมควรแล้วเราว่าเป็นเว็บที่น่าลองใช้มากเลยค่ะ! วันนี้มาสั้นๆแค่นี้ (เรียกว่าสั้นรึเปล่า? 555) แต่ก็ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ!